พานทองแท้ ชินวัตร จวกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามยัดข้อหาความผิดให้พ่อจนประชาชนหลายคนเข้าใจผิด ลามถึงแอร์สาวเตรียมสาดกาแฟใส่น้อง แต่ให้อภัย
วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า “หลายท่านคงทราบข่าว ที่น้องอิ๊งค์เดินทางไปเยี่ยมคุณพ่อที่ฮ่องกง โดยสายการบินแห่งหนึ่ง แล้วมีแอร์โฮสเตสคนหนึ่ง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อยากจะแกล้งน้องอิ๊งค์บนเครื่องบิน ด้วยการเสริฟกาแฟผ่านทางศีรษะ เนื่องจากแค้นใจที่ม๊อบ "พิทักษ์สยาม" ของเสธ.อ้ายยอมแพ้และเลิกชุมนุมไป นั้น ตอนแรกผมเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นเพียงการระบายความคับข้องใจ ของคนๆหนึ่งผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค จึงไม่ได้คิดที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรครับ ยังรู้สึกว่าน้องอิ๊งค์โชคดีด้วยซ้ำ ที่เหตุการณ์นี้มิได้เกิดขึ้นจริง และก็เป็นความรู้สึกให้อภัยกับแอร์ผู้นั้น เนื่องจากเห็นที่เขาโพสต์ตอนหลังว่า ในที่สุดเขาก็ระงับสติอารมณ์ได้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล”
นายพานทองแท้ โพสต์ต่อว่า “แต่เมื่อคุยกับน้องผมแล้ว
ผมว่าเรื่องนี้น่าที่จะนำมาแชร์กันครับ เพราะสิ่งที่ถูกปลูกฝังเข้าไปในหัวสมองของแอร์คนนี้ เป็นสิ่งที่ผิดเช่นเดียวกับที่ปลูกฝังไปในหัวคนไทยอีกหลายคน หากเราไม่ร่วมมือกันแก้ไข มันจะสร้างปัญหาให้สังคมไทยในระยะยาว จะเปลี่ยนความน่ารักของคนไทย ที่เคยอ่อนโยนโอบอ้อมอารีต่อกัน จาก "สยามเมืองยิ้ม" กลายเป็นเมืองแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และการเผชิญหน้าการปลูกฝังค่านิยมผิดๆนี้
สืบเนื่องมาจากการที่พี่น้องคนไทยเคยชินกับการบริโภคสื่อที่เป็นกลาง และเคยชินกับพรรคการเมืองที่ใช้กลไกของสภาเป็นที่แก้ปัญหามาโดยตลอด
เมื่อมาเจอกับสื่อเทียมที่เลือกข้าง และพรรคการเมืองที่เล่นเกมนอกสภาฯ โดยเดินสายปลุกระดมคนให้เกลียดชังคุณพ่อผม เมื่อมาบวกกับกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม พูดจาเป่าหูทุกวันว่า ทักษิณฯล้มเจ้าบ้าง อยากเป็นประธานาธิดดีบ้าง เดี๋ยวก็ทักษิณฯซื้อทั้งประเทศ เดี๋ยวก็ขายทั้งประเทศ เป็นอย่างนี้ทุกวันเป็นระยะเวลา6-7ปีเมื่อค่านิยมผิดๆนี้ ถูกยืนยันโดยผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองซึ่งควรจะวางตัวเป็นกลาง ปล่อยให้รุ่นลูกรุ่นหลานเขาได้มีโอกาสบริหารและพัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ กลับออกมาเทคไซด์เชียร์พรรคการเมืองในดวงใจเข้าอีก พี่น้องคนไทยกลุ่มนี้จึงเข้าใจผิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาจริงๆ “
นายพานทองแท้โพสต์อีกว่า “ ปัญหาดังกล่าวนี้ ยุ่งเหยิงยาวนานหนักเข้าไปอีก
เมื่อคนกลุ่มที่ว่านี้มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดล้ำ, ตาสว่าง, รู้ทันคนมากกว่าคนอื่น ใครที่คิดเหมือนตนเป็นคนฉลาด คิดต่างจากตนเป็นคนโง่ ทั้งๆที่ตนเองเสพสื่อเลือกข้าง ฟังความข้างเดียว ใครอยู่ฝั่งตรงข้ามพ่อผมเป็นคนดีหมด ใครชอบใครสนับสนุนคุณพ่อผมเป็นคนเลวหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งครอบครัวและลูกหลาน และคนที่ต้องเจอกับคนประเภทนี้เยอะที่สุดคือน้องอิ๊งค์ครับตั้งแต่ช่วงหลังจากการปฏิวัติ ครอบครัวผมไปอยู่ต่างประเทศกับคุณพ่อ เหลือแต่น้องอิ๊งค์ซึ่งยังเรียนอยู่จุฬาต้องไปๆมาๆ ในขณะที่คณะปฏิวัติกุมอำนาจเด็จขาด ข่าวของสื่อหลักวันๆก็มีแต่แก้วหน้าม้า, คุณป้ามหาภัย, หน้ากร้อคอสั้น คอยออกสื่อกล่าวหาคุณพ่อผมทั้งวันทั้งคืน คนที่เสพสื่อแบบนี้เข้าไปก็เหมือนคนที่กินผลไม้พิษเข้าไป เจอน้องอิ๊งค์เข้าอาการจึงกำเริบ คล้ายๆกับแอร์คนนี้แหละ น้องอิ๊งค์เจอมาเยอะสุด
แต่ไม่ต้องห่วงครับถึงแม้จะเป็นน้องสุดท้อง แต่อิ๊งค์กลับมีความอดทนและระงับสติอารมณ์ได้ดีกว่าผู้ใหญ่หลายๆคนเสียอีก
ห่วงแต่ว่าถ้ายังปล่อยให้เล่นการเมืองกันอย่างไม่มี กฎ กติกา มารยาท กันอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จัดให้คนโน้นคนนี้ออกมา "พิทักษ์สยาม" กันบ่อยๆเข้า "สยามเมืองยิ้ม" จะกลายเป็น "สยามเมืองเคียดแค้นอมทุกข์" กันไปเปล่าๆครับ ปล. ขอบคุณในทุกคำอวยพรเนื่องในวันเกิดผมวันนี้นะครับ ถ้าขอได้ผมอยากขอให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม ขอคำว่า Land of Smile กลับคืนมาให้เมืองไทยครับ”