“ดำรงค์”ประกาศตั้ง “พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน มีการประชุมใหญ่สามัญสมาคมอุทยานแห่งชาติ ประจำปี 2555 และการเสวนาทางวิชาการ “เรื่องประสบการณ์การเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ของ ดำรงค์ พิเดช” โดยมีคณาจารย์ ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันคณะวนศาสตร์ กว่า 100 คนร่วมในงาน
ทั้งนี้นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า หลังเกษียณอายุราชการมองย้อนกลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นในกรมอุทยานฯคนที่อยู่ต่อจากเราจะทำอะไรได้หรือไม่ ดูสภาพวันนี้แล้วใครมาก็ลำบาก ทุกคนก็อยากจะทำเหมือนตน แต่การจะทำอะไรก็ลำบาก เขาเรียกว่ามีแต่คำสั่งปากเปล่า ไม่ได้มีหนังสือรองรับ ผ่านมาแค่ 2 เดือนก็รู้แล้วสภาพจะเป็นอย่างไร เริ่มมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันแล้วโดยเฉพาะกรมป่าไม้ แต่ในกรมอุทยานฯ ยังดูท่าทีกันอยู่
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า คิดว่าป่าที่เหลือผืนสุดท้ายของประเทศจะเป็นพื้นที่อุทยานฯ เพราะวันนี้ป่าสงวนแห่งชาติเหลือแต่ในแผนที่ ที่ผ่านมามีการซื้อขายป่าอย่างมโหฬาร เคยคุยกับเพื่อนที่เป็นอธิบดีเขาบ่นว่าไม่รู้จะย้ายเจ้าหน้าที่ไปไหน เพราะมีการซื้อขายป่ากันทุกที่ ตอนเข้ามาเป็นอธิบดีก็มีปัญหาวังน้ำเขียว- ทับลาน พอดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่มรดกโลก ถ้าไม่ดำเนินการก็ลามไปอุทยานฯ เขาใหญ่ วันนี้ระบบบ้านเมืองเราไม่เคารพกฎหมาย ที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในรัฐบาลเคยพูดถึงกรมอุทยานฯ ที่ทำในเรื่องทวงคืนผืนป่าหรือไม่ ที่ผ่านมาเคยของบเพื่อมาดำเนินการในเรื่องการปราบปรามการบุกรุกและการลักลอบตัดไม้พะยูง 7 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้งบแม้แต่บาทเดียว ต้องเจียดเงินรายได้อุทยานฯ และงบในส่วนสัตว์ป่ามาใช้ จนถูกตั้งกรรมการสอบวุ่นวายมาจนถึงเวลานี้ และที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยสอบถามโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รับฟังแต่คนรอบข้างเพียงไม่กี่คน
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า หลังการดำเนินการในพื้นที่วังน้ำเขียว-ทับลาน มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับตนบ้างนั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองอื่นไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เขาก็พยายามถล่มในกรรมาธิการชุดต่างๆ ในรัฐสภา แต่ก็ไม่คิดอะไรเพราะยึดคำพิพากษาของศาลเป็นหลัก ถ้าไม่ทำก็จะโดนดำเนินการตามกฎหมายอาญามาตรา 157 อย่างไรก็ตามการดำเนินการไม่จำเป็นต้องเข้าพื้นที่ เป็นอธิบดีสั่งการไปก็ได้ แต่จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่มาจากทั่วประเทศทำงานเพียงลำพังไม่ได้
“กรณีทะเลหมอกรีสอร์ทจะเข้าดำเนินการแต่เช้า แต่เข้าพื้นที่ไม่ได้ จึงต้องเข้ากลางคืน คนสร้างรีสอร์ท 200-300 ล้านบาทเขาไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เขาสามารถต่อสายถึงคนใหญ่คนโตได้ วันนั้นทำกันอยู่ 9 จุด พื้นที่ 8 จุดมีการรื้อกันโครมครามอยู่ ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืนกว่า ก็มีคนบอกว่ามีข้างบนโทรศัพท์สั่งมา สั่งปากเปล่าให้หยุด แต่ผมก็ไม่ฟัง บอกลูกน้องทุกคนให้ปิดมือถือหมดและดำเนินการต่อ จะย้ายผมก็ย้าย ต่อมาก็ทราบว่ามีการพูดคุยกันใน ครม. ว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายผม ผมเหลืออายุราชการ 2 เดือน ไม่ได้คิดอะไร ถ้าเขาย้ายผมเขาก็มีแต่เสีย” นายดำรงค์ กล่าว
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ที่บรรดารีสอร์ท บ้านพักตากอากาศกลับมาเปิดให้บริการกันอย่างเต็มที่นั้น บางแห่งต้องรอคำสั่งศาลปกครอง แต่บางจุดก็สามารถใช้มาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504 รื้อได้ทันที และต้องดำเนินการเพราะที่ผ่านมากรณีรีสอร์ท 3 แห่งในพื้นที่อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดตนก็ถูกเขาหลอกเพราะจนวันนี้ยังไม่มีการรื้อถอน ปัญหาตอนนี้คือไม่มีอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่จะเป็นหัวเรือ เพราะอธิบดีที่จะต้องตั้งคือนายเริงชัย ประยูรเวช และนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว ซึ่ง อกพ.ทส.ได้เลือกมานั้น ไม่ถูกใจคนตั้ง แต่ไม่มีตัวเลือก รัฐมนตรีก็มีหน้าที่ชงขึ้นไป คิดว่าคนที่ไม่พอใจคือคนที่อยู่เหนือรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่ตั้ง 2 คนนี้รัฐบาลก็ทำผิดกฎหมายแน่นอน จากนั้นตั้งมาแล้วคนที่มาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ต้องเจอและต่อสู้กับรังสีอำมหิต ซึ่งหากมีอธิบดีแล้วไม่ดำเนินการตามแนวทางของสังคมก็จะเป็นคนไปแจ้งความจับเอง แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม ทั้งนี้ที่ผ่านมาทำงานได้เพราะมีข้อจำกัดกับรมว.ทรัพยากรฯ ไว้ และรู้จักกับคนที่เอาเขามาเป็นรัฐมนตรี ว่าขอดูแลกรมอุทยานฯ ซึ่งเขาก็ไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับกรมอุทยานฯ เลย แต่วันนี้กลับมีนโยบายอีกอย่าง และมีการตั้งกรรมการสอบตนหลายเรื่อง ก็ไม่ว่าอะไรจะได้พิสูจน์ได้ว่าโปร่งใส
“วันนี้ทุกคนอยากทำงานแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมคิดว่าถ้าอย่างนั้น ก็ให้ทุกคนมาร่วมเซ็นชื่อถวายฏีกากันจะกล้าหรือไม่ การถวายฎีกาทำได้โดยทูลเกล้าฯ ถวายรายงานบอกเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าการทำงานไม่สามารถทำได้ อธิบดีก็ตั้งไม่ได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของกรมอุทยานฯ ผมจะลงชื่อเป็นคนแรก สิ่งที่ผิดกฎหมายการทวงคืนผืนป่าถูกเบรกระงับ เอาคนที่หาผลประโยชน์มาทำงาน จะให้เวลาอีกสักระยะ ถ้าไม่ตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ต้องดำเนินการ เพราะทรัพยากรของคนไทยทั้งชาติเสียหาย การไม่มีอธิบดีทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำงาน เพราะถ้าคนทำผิดถูกจับเขาก็ไปฟ้องผู้ใหญ่ กรณีภูเก็ตออกโฉนดกลางอุทยานฯ ก็ไม่เห็นมีผู้ใหญ่ออกมาพูดอะไร ” นายดำรงค์ กล่าว
นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางต่อจากนี้ตนคิดว่าจะไปตั้งพรรคเล็กๆ ชื่อพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย จะทำเรื่องป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียว ไม่พูดเรื่องอื่น โดยเอาคนอุดมการณ์เดียวกันมาทำ หวังว่าจะได้ ส.ส. ระบบสัดส่วน 1-2 เสียง หรือแม้ไม่ได้สักเสียงก็ไม่ว่า เหมือนพรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ โกมลวิศิษฎ์ ถ้าใครจะลงเขตก็หาเงินมาลงเอง โดยจะไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
ด้านนายเริงชัย ประยูรเวช กล่าวถึงกรณีรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศบุกรุกอุทยานฯ ทับลานที่ถูกรื้อถอนไปแล้ว เตรียมปรับปรุงพื้นที่เพื่อเปิดบริการใหม่ว่า เรื่องนี้ได้สั่งการไปยังอุทยานฯ ทับลานแล้วว่า หากพบว่ารีสอร์ท บ้านพักเหล่านั้น มีเจตนาที่จะกลับมาเปิดให้บริการใหม่ ก็ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีซ้ำทันที ปล่อยให้มีการดำเนินการต่อไม่ได้อยู่แล้ว เพราะศาลมีคำสั่งให้รื้อถอนและออกจากพื้นที่เด็ดขาด ทั้งนี้กรมอุทยานฯ ดำเนินการจับกุมรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯทับลานแล้วจำนวน 426 คดี คดีสิ้นสุดเด็ดขาดโดยศาลสั่งให้รื้อถอนจำนวน 49 แห่ง กรมอุทยานฯได้รื้อถอนไปแล้ว 27 แห่ง อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง 22 แห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าเราดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอนไม่ได้มีการปล่อยปละละเลย ส่วนกรณีที่รีสอร์ท บ้านพักเปิดให้บริการและนักท่องเที่ยวยังเข้าใช้บริการนั้น กรมไม่สามารถใช้กฎหมายไปบังคับใช้กับประชาชนได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้ทำเรื่องไปยังกระทรวงทรัพยากรฯ ให้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอความร่วมมือกับ ผวจ.ทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ให้ส่วนราชการและประชาชนรับทราบในเรื่องการงดเข้าพักในรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่วังน้ำเขียว-ทับลาน เพราะเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างไม่สิ้นสุด