เด้ง โกวิทไม่ใช่เรื่องแปลก วงในย้ำถึงเวลาต้องผลัดใบ

"อชิรวิทย์" ชี้ย้ายผบ.ตร.เป็นสูตรสำเร็จหลังรัฐประหารสำเร็จ -เก้าอี้ผบ.ตร ต้องถูกสั่นคลอนมาทุกยุคทุกสมัย เชื่อประชาชนเข้าใจดีใครเป็น "แพะ" การเมือง พร้อมมั่นใจไม่มีเกิดศึกสายระหว่างสีเขียว-สีกากี ขณะที่ "กิตติพงษ์ กิตยารักษ์" มั่นใจย้ายผบ.ตร.ไม่กระทบปรับโครงสร้างตำรวจเพราะคนสั่งคือรัฐบาลไม่ใช่ตำรวจ!!


ยุคนี้ก็เช่นกันผมรับรองว่าไม่นานเกินรอ


"...ช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ของรัฐบาล และ คมช. กับประชาชนจืดจางลงเมื่อไหร่ อย่าลืมเรียกใช้บริการจากตำรวจนะครับ..." นี่คือข้อความบางส่วนของบทความของพล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รองผบ.ตร. และฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้เขียนระบายความในใจหลังเหตุการณ์ยึดอำนาจของคปค.(คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข )ไว้ล่วงหน้าในwww.ajiravid.org เป็นการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีก็ได้ลงนามในหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 25/2550 ให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่พล.ต.อ.อชิรวิทย์โฆษกคู่บุญก็ได้ยื่นใบลาออกตามไปติดๆ


เปลี่ยนตัวผบ.ตร.สูตรสำเร็จหลังรัฐประหาร


พล.ต.อ.อชิรวิทย์วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ย้ายพล.ต.อ.โกวิทไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ต้องเข้าใจคือสูตรสำเร็จหลังการจัดตั้งรัฐบาลหรือการรัฐประหารจะต้องมีประกาศนโยบายคำสั่ง และจะต้องมีอยู่หนึ่งเรื่องคือจัดการกับตำรวจในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นปรับปรุงโครงสร้างแก้ไขระบบ ตัดทอนอำนาจ เปลี่ยนผู้บริหารหรือกระทั่งล้างบางซึ่งเป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัยไม่ใช่เฉพาะสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์)โดยเฉพาะตำแหน่งผบ.ตร.ต้องเอาคนที่สนองงานได้ สั่งงานได้มาทำงานตามนโยบายของรัฐบาลอยู่เสมอ ดังนั้นการที่รัฐบาลมีคำสั่งให้พล.ต.อ.โกวิทไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องธรรมดา


นอกจากนี้แล้วตามพ.ร.บ.


ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ร.บ.2540ให้อำนาจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ข้าราชการการเมือง) มีอำนาจกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วประเทศ จึงสามารถโยกย้ายข้าราชการที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ทุกตำแหน่งไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งผบ.ตร. แต่ไม่สามารถปลดให้ให้พ้นจากตำแหน่งได้หากเจ้าตัวไม่ยินยอมตามมาตรา 62 ของพ.ร.บ.ตำรวจ 2547 จึงทำได้เพียงขอตัวไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่อำนาจหน้าที่ของผบ.ตร.ทั้งหมดจถูกโอนให้คนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการแทนคือพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผบ.ตร.


ประชาชนรู้ดีใครคือ "แพะ"


ส่วนหลายฝ่ายมองว่าตำรวจคือแพะบูชายัญทางการเมืองในเหตุการณ์ครั้งนี้หากลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ได้ก็สามารถรู้ได้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เพราะสื่อได้รายงานความเคลื่อนไหนมาตลอดว่าอำนาจการเมืองกำลังเพ่งเล็งไปที่จุดใด ได้เกิดความไม่พอใจจุดใดบ้างหากจะบอกว่าเป็น "แพะ" การเมืองก็แล้วนิยามของแค่ละคนว่ามองประเด็นดังกล่าวอย่างไร แต่ที่นิยามได้ถนัดถนี่ที่สุดคืออาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่ต้อง คำสาปนี่คือสัจธรรมเป็นความจริงที่มิอาจจะปฏิเสธได้อาชีพตำรวจอยู่ระหว่างการต่อสู้2ข้างและเมื่ออีกฝ่ายได้รับชัยชนะตำรวจที่อยู่ตรงกลางก็จะถูกเล่นงานเสมอๆโดยเฉพาะเก้าอี้ผบ.ตร.ที่ถูกสั่นคลอนเสมอ

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เป็นแรงกระเพื่อมทำให้เกิดการหมางใจกันถึงขั้นเกิดศึกแบ่งแยกระหว่างสีเขียว (ขี้ม้า) กับสีสากีเพราะทหารและตำรวจต่างคือรุ่นพี่รุ่นน้องในสมัยเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร การแบ่งแยกดังกล่าวจึงเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น


เชื่อไม่กระทบปรับโครงสร้างตร.


ขณะที่ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ ให้ความเห็นถึงแนวทางการปรับโครงสร้างสตช.ภายหลังการคำสั่งย้ายพล.ต.อ.โกวิทว่า หากเรื่องนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลมีความตั้งใจในการผลักดันให้เกิดขึ้นเรื่องการเปลี่ยนตัวผบ.ตร.เป็นพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นการรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น แม้ว่าน้ำเสียงของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ภายหลังการเข้ารักษาการดำรงผบ.ตร.คนล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างที่จะไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างฯแต่ยังเชื่อว่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียเพราะทางคณะฯพร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากทุกท่านเสมอ และแผนโครงสร้างนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายใดที่จะตัดสินแต่เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นของรัฐบาล คมช.และสนช.จึงจะอนุมัติใช้ได้


นโยบาย ปรับโครงสร้างสตช.


"ยังคงเป็นนโยบายที่ทางรัฐบาลต้องให้ที่จะให้ดำเนินการต่อทางคณะฯก็จะเดินหน้าเต็มที่ และยินดีรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกท่าน โดยเฉพาะพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่มีประสบการณ์ในอาชีพตำรวจมาอย่างยาวนานเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งแนวทางนี้เป็นการเสนอทางเลือกในการพัฒนาสตช.ให้ดีขึ้นและรัฐบาล คมช.และสนช.จะเป็นผู้พิจารณาในที่สุด"

ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์