นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการซ้อมแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในวันที่ 5-7 กันยายนว่า
การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล คิดว่ามีปัญหาความสับสน ถ้าเราตรวจสอบการลงทุนใช้จ่าย มีการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการน้ำน้อยมาก ไม่ว่างบประมาณ 1.2 แสนล้านบาทหรือ 3.5 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันการบริหารจัดงานน้ำในเขื่อน บุคคลซึ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งเอง อย่างเช่น นายปราโมทย์ ไม้กลัด ก็มีความเห็นสวนทางกับนายปลอดประสพ สุรัสวดี อย่างชัดเจน โดยเตือนว่าการบริหารน้ำในตอนนี้ เป็นการปล่อยน้ำทิ้ง จะเกิดปัญหาภัยแล้งที่ตามมา รัฐบาลไม่มีความขัดเจน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้จะมีพูดถึงการทดสอบการปล่อยน้ำ ซึ่งการบริการจัดการน้ำในภาพรวม ไม่ได้มีเฉพาะปัญหาอุทกภัย
แต่มีการใช้น้ำเพื่อการเกษตร การชลประทานและปัญหาภัยแล้งด้วย ถ้าจะมีการทดสอบจริง ต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในส่วนต้นน้ำถึงปลายน้ำว่า จะต้องผ่านจุดไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ โครงการสร้างพื้นฐานที่ต้องการทดสอบคืออะไร ถ้าเป็นไปในทิศทางนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ มากกว่ากมารออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้ และอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง
"ในส่วนผู้บริหาร กทม.ก็มีความเป็นห่วง เพราะว่าถ้าน้ำมาถึงกรุงเทพมหานครวันไหน เกิดฝนตกหนัก จะมีปัญหากหรือไม่ 2.ทางรองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ก็ยืนยันว่า ระบบการจัดการน้ำฝนก็ถูกรื้อทิ้งไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลประสงค์ที่จะให้มีการปรับเพื่อรองรับน้ำท่วมใหญ่ เราไม่อยากเห็นหน่วยงานต่างๆ มีความเห็นไม่ตรงกัน มีความขัดแย้งกัน ถ้าเกิดปัญหาแล้วจะมาโยนความผิดให้กันและกัน เหมือนน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ถ้าจะทดสอบความพร้อมของโครงสร้างต่างๆ ก็ต้องกำหนดกันให้ชัดว่า มีทางเลือกอย่างไร ที่จะยืนยันความพร้อม
แต่ถ้าจะมีการทดสอบแล้วเกิดปัญหา จะเป็นความผิดตรงนั้นตรงนี้ ผมว่ามันไม่ช่วยอะไร ถ้าจะเปลี่ยนแนวทางการบริการจัดการน้ำใหม่ให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรืออาจได้รับผลกระทบ จะต้องสามารถรับรู้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงทั้งหมดถึงว่า ตรงไหนถูกกำหนดให้เป็นที่รับน้ำ น้ำจะผ่านเส้นทางไหน วันนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ