ไต่สวนยุบ ปชป.ซัดกันนัว! แฉแผนล่อซื้อ-ปั้นหลักฐานเท็จ

หน.พัฒนาชาติไทย อ้างสุดทนพฤติกรรมข่มขู่แกนนำ ปชป.


ทำให้ต้องเปิดเผยแผนล่อซื้อเพื่อให้ ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยจ้างลงสมัครรับเลือกตั้ง เทพเทือก ระบุคำให้การมีพิรุธและสร้างหลักฐานเท็จเพื่อปรักปรำ ปชป.

วันนี้ (8 ก.พ.) คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ออกบัลลังก์ไต่สวนครั้งที่ 4


ในคดีที่อัยการสูงสุดร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยเป็นการสืบพยานฝ่ายผู้ร้องคืออัยการสูงสุดในประเด็นว่าจ้างพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าส่งผู้ที่ไม่มีสิทธิสมัคร ลงรับสมัครเลือกตั้งแล้วใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยb>บุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย และน.ส.สำราญ จันทะมิตร เจ้าของบ้านที่นายบุญทวีศักดิ์เช่าเป็นที่ทำการพรรคพัฒนาชาติไทยและพักอาศัยอยู่ จากทั้งหมด 4 ปาก


เนื่องจาก


นายสุขสันต์ ชัยเทศ นายชวการ โตสวัสดิ์ คู่กรณีไม่ติดใจซักค้านเพราะคำให้การของบุคคลทั้ง 2 ไม่มีการพาดพิงถึงการยุบพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบกับคณะตุลาการฯ จะนำคำให้การของบุคคลทั้ง 2 ในคดียุบพรรคไทยรักไทยมารวมพิจารณาในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

โดยในการไต่สวน


ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา ตุลาการรัฐธรรมนูญผู้ทำหน้าที่ดำเนินการไต่สวน ได้ซักถามถึงการเซ็นหนังสือรับรองการส่งผู้สมัครลงในนามพรรคไทยรักไทย การเดินทางไปพบของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่บ้านพักว่า มีใครร่วมอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับนายสุเทพ

นายบุญทวีศักดิ์ ชี้แจงว่า


ได้เซ็นรับรองการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อใช้ในการสมัครให้แก่ผู้ที่จะลงสมัคร 3-4 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นการเซ็นเอกสารเปล่า ยังไม่มีการลงชื่อตามที่นายสุขสันต์นำมาขอให้เซ็นประมาณ 30 กว่าใบ ส่วนการพูดคุยกับนายสุเทพในรถนั้นมีนายชวการ นายสุขสันต์นั่งร่วมฟังอยู่ด้วย

จากนั้น นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้รับมอบอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์


ได้พยายามสอบถามถึงห้วงเวลาที่นายบุญทวีศักดิ์อ้างว่าได้รับการติดต่อจากนายสุขสันต์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะให้เงิน 5 ล้านนั้น เลยช่วงเวลาของการสมัครไปแล้ว และเหตุใดจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเวลานานแล้วถึงมาร้องเรียน

นายบุญทวีศักดิ์ ชี้แจงว่า


เพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งวันที่นายสุเทพไปพบที่บ้าน นายสุขสันต์ นายชวการ และนายไทกรได้เข้ามาคุยกับตนในบ้านก่อน ซึ่งตนไม่พอใจนายไทกรอยู่แล้ว เพราะวันที่ 5 มี.ค.2549 ซึ่งเป็นวันก่อนวันรับสมัครนายไทกรเคยมาบอกว่าไม่ให้ส่งผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์จะให้เงิน 5 ล้านบาท เอาหรือไม่ ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปว่าอย่ามายุ่ง และหลังพูดคุยกับนายสุเทพก็ยังบอกว่าให้คิดว่าไม่เคยพบกัน


แต่แล้วหลังส่งผู้สมัครวันที่ 25 มี.ค.


นายไทกรไปที่บ้านตนที่ จ.นครราชสีมา และพูดกับภรรยาของตนว่านายสุขสันต์ และนายชวการได้ไปคนละ 7 หลัก ทำไมตนโง่ไม่รับเอาไว้ พร้อมกับฝากภรรยาว่าให้ตนติดต่อนายสุเทพ เพื่อให้ข้อมูลเรื่องการรับจ้างลงสมัคร ถ้าไม่ทำนายสุเทพจะแจ้งความดำเนินคดีกับตน รวมทั้งหลังจากนั้นนายสุเทพก็ยังแถลงข่าวกล่าวหาว่าตนรับเงินเขามาแล้ว ทำให้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุเทพ

นอกจากนี้ นายบุญทวีศักดิ์ ยังยืนยันว่า


ทุกครั้งที่ให้การกับอนุกรรมการสืบสวนของ กกต.ก็จะเล่าให้อนุกรรมการ ฯ ฟังว่าในการพูดคุยนายสุเทพให้ตน พูดพาดพิงว่า พ.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ ไอ้เพ้ง ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคือใคร เป็นคนจ่ายเงินจ้างลงสมัครรับเลือกตั้ง และที่บอกกับอนุกรรมการฯว่าจะพาพรรคการเมืองที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์ว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่นมาให้การกับ กกต.นั้น หมายถึงพรรคชีวิตที่ดีกว่า

เพราะหลังนาย วรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่าได้รับการติดต่อจากนายไทกรก็โทรศัพท์ไปเล่าให้ฟัง โดยตนบอกว่าจะต้องเข้าให้การกับอนุกรรมการสืบสวนของ กกต.ในวันที่ 9 เม.ย. นายนายวรรธวริทธิ์ ขอที่จะไปด้วยเพราะต้องการไปร้องเรียนกับ กกต.ว่าถูกนายไทกรคุกคาม


โดยนายวรรธวริทธิ์


นำซีดีบันทึกภาพการคุยกับนายไทกรที่โรงแรมแกรนด์ รัชดาฯ ไปมอบให้กับ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ขณะนั้นและได้เปิดซีดีดังกล่าวดู โดยตนก็เพิ่งจะได้เห็นในเวลาเดียวกัน และพบว่ามีข้อความที่นายไทกรระบุในซีดีว่นายบุญทวีศักดิ์ ติดคุกแน่จึงคิดว่าน่าที่จะเป็นหลักฐานประกอบการฟ้องหมิ่นประมาทที่ไปแจ้งความก่อนหน้านั้นจึงขอสำเนาแผ่นซีดีดังกล่าวเอาไว้

ทั้งนี้ ระหว่างการให้การของนายบุญทวีศักดิ์


ม.ล.ไกรฤกษ์ได้พยายามเตือนให้นายบุญทวีศักดิ์ควบคุมอารมณ์ เพราะคณะตุลาการเข้าใจถึงความอัดอั้น ขณะเดียวกันก็เตือนนายทวีศักดิ์ว่าไม่จำเป็นต้องซักพยาน ในประเด็นที่เป็นลักษณะให้ความคิดเห็นหรือชี้นำคณะตุลาการ เพราะคณะตุลาการก็มีสามัญสำนึกที่จะคิดเองได้

ส่วน นางสำราญ


ที่อยู่ภายในบ้านนายบุญทวีศักดิ์ขณะนายสุเทพไปพบ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุการณ์นั่งอยู่หลังบ้าน และมองผ่านมุ้งลวด จึงเห็นเพียงนายชวการ นายสุขสันต์ และนายไทกรเข้ามาพูดคุยกับนายบุญทวีศักดิ์ ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกบ้าน และจำไม่ได้ว่าหลังการพูดคุยแล้ว นายชวการ นายสุขสันต์ และนายไทกรกลับมาในบ้านหรือไม่ จำได้เพียงว่ากว่าที่เหตุการณ์จะจบลงเป็นเวลาที่ดึกมาก

ทั้งนี้ ภายหลังการพิจารณาคดี


ตุลาการรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารสรุปการไต่สวนโดยระบุว่าคณะตุลาการคาดหมายว่า การไต่สวนจะเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นอิสระปราศจากอคติทั้งปวง เพื่ออำนวยความยุติธรรม ให้แก่คู่กรณีทุกผ่านอย่างเต็มที่ เสมอภาคกันและด้วยความเที่ยงธรรม จึงขอให้ความมั่นใจในการอำนวยความยุติธรรมของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า


การไต่สวนครั้งนี้ถ้าดูประกอบคำให้การที่พยานให้ไว้กับอนุสืบสวน กกต. จะเห็นว่าไม่ตรงกัน เช่น การพูดถึงการรับจ้างให้เลิกส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง แต่ภายหลังบอกว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย จึงไม่ทราบว่าตกลงแล้วหมายถึงอะไรกันแน่ รวมทั้งวัน เวลาที่อ้างว่านำเงินไปให้ รับจ้างหยุดส่งผู้สมัคร ก็พ้นกำหนดวันปิดรับสมัครไปแล้ว

และทั้งหมดก็เป็นการอ้างอิงคำพูดของนายไทกร

ซึ่งการให้การดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะมารับฟังการไต่สวนหลายครั้งก็เห็นอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะในช่วงหลังมีเรื่องของซีดี ซึ่งมีการเตรียมการกันไว้เป็นขบวนการ


ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหลังการไต่สวนว่า


เป็นความพยายามที่จะสร้างพยานเท็จ เพื่อปรักปรำพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลังจากตนได้ทราบข้อมูลว่า พรรคไทยรักไทยไปจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ประมาณ10 วันก็ได้มีการสร้างพยานเท็จ เพื่อแก้ตัวว่าไม่ใช่พรรคไทยรักไทยเป็นคนจ้าง แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนจ้าง ซึ่งคำให้การของนายบุญทวีศักดิ์ ในครั้งนี้มีความขัดแย้งกับที่ให้การไว้ต่ออนุฯสืบสวน กกต.ก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะเชื่อว่าข้อมูลการซัดทอด ไม่สามารถทำลายน้ำหนักของหลักฐานที่ตนนำเสนอได้

พบพิรุธหลายอย่างจากการให้การ เช่น


กรณีซีดีของนายวรรธวริทธิ์ ที่นายบุญทวีศักดิ์ อ้างว่าได้ดูครั้งแรกพร้อมอดีตประธาน กกต.นั้น แต่ก่อนหน้าวันที่จะได้ดูซีดี นายบุญทวีศักดิ์ สามารถบรรยายเนื้อหาในเทปได้โดยละเอียด เช่นเดียวกันกับกรณีที่บอกว่านายไทกรแจ้งว่าพรรคประชาธิปัตย์เสนอเงิน 5 ล้านบาท ให้ยุติการส่งผู้สมัคร

แต่ปรากฏว่า


ในการให้การต่ออนุฯ สืบสวน กกต.ในวันที่ 31 มี.ค., 4 เม.ย. และ 2 พ.ค.กลับไม่พูดเรื่องนี้ เพิ่งมาพูดหลังจากเหตุการณ์ที่ผมได้ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เป็นเรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมถึงมาพูดเรื่องนี้ คล้ายคลึงกับกรณีภาพวงจรปิดที่กระทรวงกลาโหม พรรคไทยรักไทยปฏิเสธตอนแรกว่าไม่มีกล้องวงจรปิด แต่สุดท้ายก็กลับนำมาเปิดเผย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์