แม้วยืนยันปู ไม่ใช่หุ่นเชิด

แม้วยืนยันปู ไม่ใช่หุ่นเชิด

วันที่ 21 ส.ค. เว็บไซต์สำนักข่าวโคเรีย จองกังเดลี สัญชาติเกาหลีใต้ เผยบทสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ที่อยู่ระหว่างการเยือนเกาหลีใต้ เพื่อกระชับสัมพันธ์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของทั้ง 2 ประเทศ ถึงการระเห็จออกนอกแผ่นดินเกิดเป็นเวลา 7 ปี ว่า ปีแรกค่อนข้างแย่แต่ปีต่อมาเริ่มปรับตัวได้ และตอนนี้รู้สึกดีและผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณที่ทำให้ตนได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกมากยิ่งขึ้น แต่ตนยังคงคิดถึงครอบครัวและบ้าน

เมื่อถามถึงนโยบายประชานิยม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หากไม่ได้มองภาพกว้างๆ มักคิดว่าตนเป็นพวกประชานิยม
 
ตนใจกว้างมากพอจะจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากชนชั้นรากหญ้า ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะถูกรับเลือกมาจากนโยบายประชานิยม ส่วนระบบทุนนิยมเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่สามารถเยียวยาได้ทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องตายตัวที่จะเลือกระหว่างการพัฒนาและสวัสดิการ จำเป็นต้องจัดสรรให้ลงตัวทั้ง 2 ประการ หากให้ความหวังและโอกาสกับประชาชนไปแล้วย่อมเป็นธรรมดาที่จะได้รับความนิยมสูง นั่นเป็นเหตุผลที่ประชาชนต้องการให้ตนกลับไป

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงคดีทุจริตคอร์รัปชั่นว่า ตนเองถูกใส่ความ เพราะถูกกล่าวหาว่าทุจริตทรัพย์สินของตัวเอง

ฟอร์บส์เคยจัดให้ตนมีรายได้มากถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาเงินไปหมด ตนเหลือน้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยซ้ำ ตนประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจก่อนก้าวเข้ามาเล่นการเมืองเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของครอบครัว คดีทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเหมือนข้อกล่าวหายอดนิยมที่เกิดขึ้นทุกแห่ง เมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง และควรพิจารณาคดีเกี่ยวกับความผิดทางอาญาก่อนเลือกวิธียึดทรัพย์

เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่คุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ซึ่งเป็นน้องสาว ทำให้ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิด

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า 'ยิ่งลักษณ์เป็นน้องสาวแท้ๆ ผมส่งเสียให้เธอเรียนสูงๆ และทำงานในบริษัทของผม เธอทำงานหนักมาก เมื่ออายุ 35 จึงก้าวขึ้นมาเป็น ซีอีโอของบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เธอเรียนรู้เร็ว ตอนนี้เธอนำพรรคของเธอเองจากคำแนะนำของผม เธอเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาก ส่วนผมเป็นเหมือนสารานุกรมที่เธอเปิดอ่านได้ทุกเมื่อ'

เมื่อถามถึงร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ถูกมองว่าเอื้อให้พ.ต.ท.ทักษิณได้กลับบ้านเร็วขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า

พ.ร.บ.เป็นเพียงตัวหนังสือที่ไกล่เกลี่ยให้เกิดความปรองดอง เป็นเหมือนการรักษาอดีตอันเจ็บปวด เราควรนำทั้งสองข้างมารวมกันแต่พรรคฝ่ายค้านกลัวมากเกินไปกับการเลือกตั้งสมัยหน้า วันหนึ่งพวกเขาจะเข้าใจ ในขณะที่ตนยังสามารถอยู่บนความไม่แน่นอน ส่วนความปรารถนาทางการเมืองในขณะนี้ต้องการสนับสนุนน้องสาว ตนไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงและวางมือแล้ว อย่างที่ท่านมหาตมะ คานธี กล่าวไว้ว่า 'ความรุนแรงเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงมากยิ่งขึ้น' เมื่อเป็นผู้นำต้องเรียนรู้การให้อภัย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องพร้อมจะเข้มแข็งเด็ดขาด

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์