เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้ตนมีคดีความอยู่ศาลหลายคดี เช่น มีหมายศาลให้ไปเป็นพยานในคดีที่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม กรณีนายอำพัน คำกอง คนขับรถแท็กซี่ชาวยโสธร ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมีเนียม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชปรารภ เมื่อ 15 พ.ค. 53 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 ผู้เสียชีวิตที่กำลังไต่สวนอยู่ในชั้นศาล โดยให้ตนไปให้ปากคำในวันที่ 21 ส.ค.นี้ แต่ตนได้ทำหนังสือขอเลื่อนไปอีก 15 วัน เพื่อเตรียมข้อมูล เนื่องจากเพิ่งได้รับหมายเรียกวันที่ 15-16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งหมายเรียกที่กระชันชิด เพราะทนายของผู้เสียหายส่งหมายมาทางไปรษณีย์ แต่ก่อนหน้านั้นออกข่าวไปหลายวันแล้ว โดยขั้นตอนการส่งหมายเรียกก็ยังงงอยู่เหมือนกัน เพราะปกติศาลจะเป็นผู้ส่งหมายเรียกโดยไม่ต้องให้ทนายโจทก์เป็นผู้ส่ง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หมายเรียกดังกล่าวเป็นการเรียกให้ตนเป็นพยานฝ่ายทนายโจทก์
แต่กลับมีความพยายามเสนอข่าวให้ดูเหมือนว่าตนเป็นจำเลย ซึ่งในคดีนี้นายอภิสิทธิ์ ก็ได้รับหมายเหมือนกัน และได้ส่งหนังสือเลื่อนการให้ปากคำเหมือนกันด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีนัยยะอะไร คอยทำใจให้เกลี้ยง ๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเรียกไปให้การด้วยนัยยะอะไรก็แล้วแต่ทั้งพยานโจทก์ หรือเป็นโจทก์เอง เราก็จะพูดแต่ในสิ่งที่เรารู้ เห็นและปฏิบัติ
“เรื่องนี้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ผมยืนหยัดที่จะต่อสู้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยไม่ได้หารือกับอดีตศอฉ. รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ด้วย เพราะรัฐบาลและร.ต.อ.เฉลิม มีเป้าหมายที่ผมและนายอภิสิทธิ์เท่านั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงกรรมการศอฉ.คนอื่น รวมถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย ส่วนเรื่องนี้จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อมวลชนอย่างไรนั้น ถือเป็นเรื่องที่ต้องแยกออกจากกัน ขอเรียกร้องประชาชนให้เปิดใจฟังเรื่องนี้เพราะเขาพยายามใส่ร้ายทหาร เพื่อโยนความผิดให้กับผมและนายอภิสิทธิ์ ทั้งที่ผมและนายอภิสิทธิ์ ไม่เคยสั่งการให้มีการฆ่าประชาชน แต่ผมมั่นใจว่าจะสู้ได้ด้วยความจริง” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่ามักจะมีคำขู่ว่าจะเอานายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เข้าคุกให้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า
ตนไม่กลัว ถ้าต้องติดคุกเพราะเราตั้งใจดีต่อบ้านเมืองก็ให้มันรู้ไป แต่ก็ยอมรับว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่การเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ โดยคนชนะ แต่ไม่มีใครลบความจริงได้ เพราะประชาชนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งประเทศ มีหลักฐานมากมาย แต่ขณะนี้มีความพยายามไม่พูดถึงชายชุดดำ แต่เป็นเรื่องที่เราต้องพูด ถ้าดีเอสไอจงใจบิดเบือนข้อมูลเพื่อเอาใจรัฐบาลและร.ต.อ.เฉลิม ตนจะดำเนินคดีกับดีเอสไอ.