ประการแรก ให้เสนอกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขยายเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ออกไปอีก 4 ปีรวมเป็น 5 ปีเพื่อให้มีเวลาเพียงพอต่อการทำหน้าที่ขุดรากถอนโคนโคตรโกงทั้งหลาย โดยแก้ไขในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย คือ
(1) เรื่องใดที่ คตส. มีมติในชั้นอนุกรรมการว่ามีมูลความผิด ให้ทำการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไว้ไม่น้อยกว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ หรือไม่น้อยกว่ามูลค่าที่โกงเอาไป โดยให้มีผลเป็นการยึดอายัดโดยอัตโนมัติ และให้บรรดาผู้ถือครองทรัพย์สินรายงานต่อ คตส. ภายใน 7 วัน
เพราะหากไม่แก้ตรงนี้ คตส. ก็คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว และถึงชาติหน้าก็คงยึดอายัดทรัพย์คนชั่วไม่ได้อีกเลย
(2) เรื่องใดที่ คตส. มีมติว่ามีมูลความผิด ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมากล่าวโทษอีก ให้ คตส. มีอำนาจส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อนำคดีสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้โดยตรง หรือส่งต่อศาลอาญาแล้วแต่กรณี และให้ศาลมีอำนาจพิพากษายึดอายัดทรัพย์สินเป็นของรัฐได้ด้วย
ประการที่สอง ให้ คตส. แก้ไขกฎระเบียบของตัวเองที่กำหนดขึ้นมาเองในทางผูกมัดตัวเองไม่ให้ใช้อำนาจ โดยให้ลดขั้นตอนให้สั้นลง
รวมทั้งการใช้อำนาจยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน และให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้พิสูจน์ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยสุจริต และไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่
ประการที่สาม รัฐบาล คมช. สนช. และ คตส. ต้องร่วมกันกำจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ยังต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนให้เห็นผลประจักษ์ ที่สำคัญคือโครงการดังต่อไปนี้
(1) โครงการศูนย์ราชการในความรับผิดชอบดูแลของหม่อมอุ๋ย ซึ่งดำเนินการโดยกรมธนารักษ์ ที่มีเงินลงทุนเพียงหมื่นกว่าล้านบาท แต่บังคับให้ทุกส่วนราชการต้องจ่ายค่าเช่าถึง 86,000 ล้านบาท และเมื่อครบ 30 ปีแล้วจะต้องจ่ายกันอีกเท่าใดก็ยังไม่รู้ โครงการที่มีผลกำไรมหาศาลแบบนี้จะต้องให้รัฐดำเนินการเอง ทำไมจะต้องให้บริษัทดำเนินการ
รัฐบาลก่อนชงไว้แต่คนรับผิดชอบในรัฐบาลนี้กลับมาปรุงและกินต่อ เป็นการสืบทอดการทุจริตและเป็นการโกงชาติ
เราจึงจำเป็นต้องร้องขอให้ คตส. ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้และเอาผิดกับคนโกงชาติเป็นการด่วนที่สุด และรีบมีมติให้รัฐบาลดำเนินการโครงการนี้เองในทันที
(2) โครงการหวยบนดิน ที่เอื้อประโยชน์ให้กับการโกงชาติรายการหวยออนไลน์ และต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับระบอบเผด็จการ ซึ่งสวนทางกับหลักปรัชญาพอเพียง และรัฐบาลเองก็เห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายมาแล้ว ทั้งผู้คนในรัฐบาลก่อนและรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลนี้ แต่ยังดึงดันจะผลักดันต่อไปอีก
เราจึงจำเป็นต้องร้องขอให้ คตส. และ ป.ป.ช. ให้รีบดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยพลัน ก่อนที่จะสร้างความขัดแย้งแตกหักระหว่างรัฐบาลกับภาคประชาชน
(3) การเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทยเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2549 ที่กระทรวงการคลังให้ขายหุ้น อ.ส.ม.ท. ซึ่งธนาคารออมสินเป็นเจ้าของ เพื่อนำเงินไปเพิ่มทุนให้กับธนาคารทหารไทยซึ่งกลวงโบ๋โดยไม่มีการลดทุน ขณะนั้นนายทนง ลำไย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหม่อมอุ๋ยเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ขณะนี้เงินที่เพิ่มทุนลงไปกลายเป็นศูนย์ และยังมีผลขาดทุนต่อมาอีก การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการโกงชาติเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนการเมือง และเมื่อบัดนี้เงินกองทุนของธนาคารแห่งนี้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด กระทรวงการคลังต้องทำการควบคุมตามกฎหมาย แต่ยังไม่มีการทำอะไรทั้งนั้น เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนการเมืองและต่างชาติ
เราจึงต้องเรียกร้องให้ คตส. สอบสวนเอาผิดกับผู้เกี่ยข้องในกรณีนี้โดยพลัน
เราเรียกร้องให้รัฐบาล คมช. สนช. และ คตส. เร่งรีบดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนไว้ให้ทันท่วงทีด้วย.