เสรีพิศุทธ์ เตรียมสั่งรื้อชุดคลี่คดีบึ้ม เหตุคืบ 20%

"เสรีพิศุทธ์"เตรียมสั่งรื้อชุดคลี่คดีบึ้มกรุง-เดลินิวส์ใหม่ เหตุคืบแค่ 20%


รักษาการ ผบ.ตร.เรียกประชุมชุดสืบสวนและสอบสวนคดีบึ้ม 9 จุด และคดียิงระเบิดใส่เดลินิวส์ จวกเพราะมีการออกคำสั่งผิดพลาด กับกรอบเวลาที่บีบบังคับ ทำให้ตำรวจต้อง "ตีขลุม" ด้วยความเคยชินไปจับทหารมาก่อนเลยหน้าแตก

ระบุเตรียมแต่งตั้งชุดสืบสวนสอบสวนใหม่ ให้มีผู้รับผิดชอบเป็นจุดๆ อย่างมีระบบ เผยที่ผ่านมามีความคืบหน้าแค่เพียง 20 เปอร์เซ็นต์


วันที่ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้รับผิดชอบฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวนเหตุระเบิด 9 จุดใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของการคลี่คลายคดีดังกล่าว

โดยมี

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 1
พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 1
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 2
พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น
พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ
พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.

พร้อมชุดสืบสวนและชุดสอบสวนจำนวนหนึ่ง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที การประชุมจึงแล้วเสร็จ

ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ที่เรียกผู้รับผิดชอบเหตุระเบิด 9 จุด และเหตุระเบิดที่เดลินิวส์มาพูดคุยกันนั้น ในเบื้องต้นได้สอบถามถึงที่มาที่ไปว่าหลังเกิดเหตุทาง บช.น. และ สตช.ได้ดำเนินการอย่างไร

ซึ่งสรุปได้ว่า มีการออกคำสั่งผิดพลาด เพราะ ผบ.ตร.ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน และให้ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ รับงานด้านสืบสวน พล.ต.ท.จงรัก รับงานด้านสอบสวน มีอยู่แค่ 3 คน แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่จะไปสอบสวน


นอกจากนั้น มีการออกคำสั่งของ ผบช.น.


มาให้พนักงานสอบสวนรับผิดชอบกันจำนวน 60-70 นาย เมื่อถึงเวลาดำเนินการจริง บช.น.ออกคำสั่งมาแล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ดำเนินการโดยอิสระ ก็กลายเป็นว่าระดับ ตร.ต้องเข้าไปดำเนินการทางด้านการสืบสวนและสอบสอนพยานหลักฐาน

ซึ่งความจริงถ้าใช้คำสั่งดังกล่าว ตร.ไม่มีอำนาจ เพราะตามคำสั่งพนักงานสอบสวน ตำรวจนครบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ ก็กลายเป็นการทำงานแบบคาราคาซัง ฝ่ายสืบก็สืบ ฝ่ายสอบก็ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ฝ่ายนครบาลที่มีอำนาจโดยตรง เมื่อเห็นทาง ตร.ทำก็เลยวางเฉยเสีย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเน้นถึงรายละเอียดของคดี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ได้สรุปจุดต่างๆ ให้ฟังว่า ทั้ง 9 จุด มีวงงจรปิดที่จะดูภาพได้ 4 จุด ซึ่งตนได้ดูแล้วดูยังไงก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วผู้ต้องสงสัยจะกระทำผิดจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้ และยังไม่มีการส่งภาพวงจรปิดไปตรวจสอบ

สอบถามแล้วก็บอกว่าจะมอบให้ พล.ต.อ.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ไปให้ทางประเทศแคนาดาดู ก็ยังไม่ได้ทำ ส่วนอีก 5 จุดที่เหลือก็ต้องดูจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งก็ได้สเกตช์ภาพคนร้ายออกมาแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็เลยสอบถามว่าไปนำตัวทหารมาได้อย่างไร

ก็ได้ความว่าที่เชิญตัว 19 คนมาซักถามก็เนื่องจากเวลาบีบบังคับ คือทางผู้บังคับบัญชาเป็นผู้รับผิดชอบก็จึงตาลีตาเหลือกต้องทำ และต้องรายงาน ก็ได้หลักฐานมาส่วนหนึ่งก็ยังไม่ชัดเจน ประกอบกับเวลาบีบเลยต้องตีขลุมไปก่อน เนื่องจากแต่ก่อนเคยทำในลักษณะนี้จึงไปเชิญตัวมาก่อน


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า


"คดีนี้เป็นคดีความมั่นคง ทหารที่ไปเชิญตัวมาก็ยังไม่พร้อม ก็เลยหน้าแตกไปหน่อย สรุปแล้ว ตอนนี้ในสำนวนการสอบสวนยังไม่มีอะไร ยังไม่สามารถสาวไปถึงผู้กระทำผิดได้"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของระเบิด 9 จุดนั้นจะตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้คนใหม่ แต่จะตั้งให้ชัดเจนเป็นระบบที่ถูกต้อง มีอำนาจถูกต้องตามกฎหมายจริงๆ ไม่ใช่ตั้งแล้วไม่มีอำนาจ แล้วจะมีการแยกแยะให้ชัดเจน

เพราะทั้ง 9 จุดนั้น ต่างท้องที่ ต่างเวลากัน ว่าจะให้ใครรับผิดชอบจุดดไหน ไม่ใช่ของเดิมที่ระเบิด 9 จุด ตั้งมา 60 กว่าคน ก็เลยไม่รู้ว่าใครทำอะไร มันมั่ว เพราะฉะนั้นจะแยกให้ชัดเจนว่าจุดเกิดเหตุที่ 1 ถึง 9 แต่ละจุดใครจะรับผิดชอบระดับหนึ่ง แล้วระดับบนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ว่ากันเป็นระบบ แล้วจะส่งวงจรปิดต่างๆ ไปตรวจสอบอีกที ซึ่งจะรีบทำ

รักษาการ ผบ.ตร.ยังกล่าวถึง ในส่วนของกรมาสอบสวนคดีพิเสษที่จะร่วมคลี่คลายคดีด้วยว่า ในส่วนของดีเอสไอที่จะมารับผิดชอบคดีหรือไม่นั้น

ตนได้มอบให้ พล.ต.ท.จงรัก ไปประสานกับทางดีเอสไอว่าจะรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ หรือจะให้ สตช.รับผิดชอบ ซึ่งทางเรายินดี เพราะเป็นภารกิจโดยตรงของตำรวจ ซึ่งหากไม่รับก็ยินดี แต่ถ้ารับก็ยินดีไปช่วย


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึง


การคลี่คลายคดียิงระเบิดใส่สำนักงาน นสพ.เดลินิวส์ ด้วยว่า ทาง บช.น.เป็นผู้รับผิดชอบ จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับ ตร.ไปช่วยดูด้วย และเมื่อดูจากพยานหลักฐาน จากสำนวนและแผนที่ และซักถามจนชัดเจนว่าระเบิดถูกยิงมาจากบนถนนวิภาวดีรังสิต

แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า ยิงจากมาจากข้างล่าง หรือข้างบน เพราะทางอื่นผิดหมด แต่ยังไม่ได้ลงไปดูสถานที่จริงจึงเชื่อตามนั้นไปก่อน แต่จากการสอบสวนยังไม่ทราบว่าเป็นใคร หรือสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งงานนี้ไม่เกี่ยวกับดีเอสไอ สตช.จะดูแลต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีระเบิดที่เดลินิวส์จะมีความเชื่อโยงกับระเบิดทั้ง 9 จุดหรือไม่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบชัดเจนว่า ได้สอบถามแล้วไม่มีความเชื่อมโยง อาจมีสาเหตุพิเศษจากภายในสำนักงาน อาจเป็นความขัดแย้งในการเสนอข่าว หรือประกอบธุรกิจ ซึ่งจะไปตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง

แต่ทั้งนี้ตนไม่ได้กำหนดวางกรอบไว้ เพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมาผิดพลาดเพราะกรอบเวลา ตอนนี้ไม่ได้เร่งรัด แต่จะปรับปรุงคำสั่งผู้รับผิดชอบใหม่ ส่งเข้าไปดำเนินการให้เป็นระบบขึ้น เชื่อว่าถ้าคลี่คลายไปได้ก็น่าจะเป็นผลดี

โดยพรุ่งนี้ จะพยายามออกคำสั่งให้ได้ ส่วนจะมีการเสริมคนเพิ่มอีกหรือไม่นั้นต้องรอคำสั่งก่อน แล้วดูว่าขาดใครตรงไหน ก็จะเอาคนไปเสริม


เมื่อถามอีกว่า คดีดังกล่าวต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หรือไม่


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า ไม่ถึงกับนับหนึ่งใหม่ ถือว่าข้อมูลที่สืบสวนไว้ก็สามารถต่อยอดไปได้ ภาพสเกตช์ที่ได้ขณะนี้มี 8 ราย เป็นชายทั้งหมด

ซึ่งเราก็ต้องพยายามปรับปรุงขบวนใหม่แล้วจะดีแน่ ถ้าเราเดินถูกทางแล้วก็จะไปต่อไป แต่ตอนนี้หาใครรับผิดชอบจริงๆ ยังไม่มี เราจะมีผู้รับผิดชอบข้างบน และเชื่อมประสานทั้ง 9 ทีม แต่ต้องดูก่อนว่าเป็นใคร

ต้องพิจารณาก่อนว่าใคร จะถูกตัดออกจากทีมสืบสวนสอบสวน ภาพที่ผ่านมาคือ ผบ.ตร.รับผิดชอบคนเดียว ผบช.น.ไม่ต้องรับผิดชอบเลย แต่ขณะนี้ต้องรับผิดชอบแล้ว ไม่ใช่ออกคำสั่งตำรวจนครบาลก็จบแล้ว

"ผมทำงานด้วยพยานหลักฐาน ผมได้พบประธาน คมช.และนายกรัฐมนตรีเมื่อวาน ท่านบอกว่า ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนเรื่องบุคคลที่ปล่อยภาพผู้ต่องสงสัยไปเป็นข่าวนั้น ยังไม่ทราบ แต่ค่อยมาว่ากันทีหลัง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้จะสามารถสาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ต้องตรวจพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน อย่างเราเห็นวงจรปิดแล้วสงสัย ก็คือต้องสงสัยก่อน ถึงจะขยายภาพ เรามาดูแล้วชัดเจน ก็ไม่ได้หมายความว่าใช่คนร้าย แต่ยังต้องไปอีกไกล

เมื่อถามถึงผู้ที่ถูกเชิญตัวมาสอบสวนนั้นจะยังอยู่ในข่ายต้องสงสัยอีกหรือไม่

รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในข่าย แต่ถ้ามีอะไรมาเกี่ยวก็ว่ากันไป แต่ในขณะนี้หลักฐานอาจจะยังไม่เพียงพอ

>"ในขณะนี้คดีคืบหน้าไปประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังไม่พบว่าทหารหรือตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังไม่ทราบว่าเป็นใครด้วย ส่วนสาเหตุก็ยังไม่ชัด ต้องใจเย็นๆ ไว้ก่อน เบื้องต้นจะส่งกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ แล้วค่อยมาดูกัน ถ้าตั้งหลักได้ก็เชื่อว่าจะสางคดีนี้ได้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว


ขอขบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์