บิ๊กทหารชี้แผนรวบตัวมือบึ้ม ตำรวจหวังชำระหนี้แค้นพร้อมเอาใจนายเก่ารอวัน "ทักษิณ" เรืองอำนาจ คมช.โต้คดีบึ้มกรุง 9จุดรับปีใหม่ไม่มีปักธงล่วงหน้า ฝ่ายนักวิชาการชี้ตำรวจไม่กล้าหือยุคทหารเรืองอำนาจ ทั้งยังมีทหารจับตาดูการสืบสวนอย่างใกล้ชิดเชื่อคดีบึ้มไม่สร้างความแตกแยกระหว่างฝ่ายทหารและตำรวจ
เผยแผนรวบทหารบอมบ์กรุง หวังช่วยทักษิณรอวันนายเก่าคืนบัลลังก์
การล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิด 9 จุดใจกลางกรุงเทพมหานครและนนทบุรีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ภายหลังถูกกดดันอย่างหนักทั้งจาก นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์และพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งทีมสอบสวนอย่างรวดเร็ว
นำโดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน
ชุดสืบสวนเข้าสืบค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด
21 ม.ค.ที่ผ่านมาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอาทิ นนทบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และลพบุรี จนสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นทหารและพลเรือนทั้งสิ้น 19 คน
ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษก็คือการเข้ารวบตัวตัว พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน หรือ เสธ.คัด นายทหารช่วยราชการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ซี่ง พ.ท.สุชาติเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของทั้งพล.อ.สุรยุทธ์และพล.สนธิ ซึ่งจุดนี้กลายเป็นข้อสังเกตเมื่อ
ผู้ต้องสงสัยทั้งหลายถูกปล่อยตัวกลับหลังการสืบสวนเสร็จสิ้น และก็เป็นภายหลังจากที่พล.อ.สนธิออกโรงเสียงเข้มว่า "เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของทหาร"
รวบเสธ.คัต ช่วย "ทักษิณ"
ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก อย่าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ระบุถึงเบื้องหลังของการเข้าควบคุมตัวพ.ท.สุชาติและนายทหารคนอื่นๆเป็นการชำระแค้นเก่าที่มีระหว่างตำรวจกองปรามและพ.ท.สุชาติซึ่งมีความเชื่อมโยงกับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีซึ่งเป็น"ปฎิปักษ์"เจ้านายเก่าอันได้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และยังถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาด้วย เมื่อนำความน่าจะเป็นมาต่อติดกัน เหตุผลที่ทหารแบล็คลิสต์ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดของพล.อ.พัลลภมาผูกติดกันการเข้าคุมตัวพ.ท.สุชาติจึงเกิดขึ้น และที่สำคัญก็เพราะตำรวจยังเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาครองอำนาจอีกครั้งได้ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า
"เสธ.คัดมีชื่ออยู่ในแบล็คลิสต์ ของตร.กองปราบ ในเรื่องเกี่ยวกับซีดี ทั้งยังเคยมีเรื่องกันมาหลายต่อหลายครั้ง การเข้าจับกุมครั้งนี้จึงเป็นการคิดบัญชีกันและสามารถนำไปเชื่อมโยงกับคดีระเบิดได้ด้วย เพราะตำรวจมองกันว่าพล.อ.พัลลภอยู่เบื้องหลังซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันเนื่องจากเสธ.คัดเคยไปขอยศพันโทกับพล.อ.พัลลภเพราะว่าติดยศพันตรีอยู่นานและพล.อ.พัลลภก็ติดยศให้
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นตำรวจจึงมองว่า
ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกัน และด้วยการที่พล.อ.พัลลภ ซึ่งเป็นอริของพ.ต.ท.ทักษิณการผูกเรื่องครั้งสำคัญจึงเกิดขึ้นเพื่อที่ต้องการเอาใจพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะลึกๆก็เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากตำรวจถือกฎหมายอยู่ในมือซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้สนองนโยบายของรัฐบาลมานานแล้ว และเมื่อเจ้านายเก่าเดือดร้อน ลูกน้องจึงออกมาช่วยเจ้านาย"
นอกจากนี้ การเร่งจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหลายเพื่อดำเนินคดีนั้นก็เพื่อที่จะทำการในช่วงที่พล.อ.สนธิเดินทางไปประเทศจีนเพื่อพบปะผู้นำทางการทหารของจีนในระหว่างวันที่ 21-24ม.ค.ที่ผ่านมา
แต่ก็ไม่ทันเนื่องจากพล.อ.สนธิกลับมาทุกอย่างจึงจบลง ผู้ต้องสงสัยเกือบทั้งหมดจึงถูกปล่อยตัว ซึ่งทหารก็ใช่ว่าจะไว้ใจการทำงานของตำรวจจึงได้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดูแลคดีแบบคู่ขนานพร้อมทั้งให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ร่วมกันสืบคดีอีกด้วย
บิ๊กบัง ยันไม่ปักธง มือบึ้มกรุง
"ที่หลายฝ่ายมองว่า คดีนี้มีการปักธง ถือว่าเป็นการมองในแง่ร้ายโดยที่จริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น พล.อ.สนธิไม่ได้บอกว่าผู้ต้องสงสัยไม่มีทางเป็นทหาร เพียงแต่บอกว่าทหารที่เรียกไปสอบปากคำนั้นไม่ใช่ผู้วางระเบิด ซึ่งคนร้ายที่แท้จริงอาจเป็นทหารนอกแถวก็เป็นได้
ส่วนที่ยืนยันว่าทหารที่ถูกคุมตัวไปสอบปากคำนั้นไม่ใช่มือวางระเบิดก็เพราะว่าผู้ต้องสงสัยเป็นเพียงทหารที่เป็นผู้ฝึกสอนวิชาระเบิด และย่อมที่จะมียุทโธปกรณ์เกี่ยวกับระเบิด ที่มีไว้สำหรับทำการสอน และท่าน(พล.อ.สนธิ)เองก็เปิดโอกาสเต็มที่ทั้งการที่มีทหารและดีเอสไอเข้ามาร่วมสืบคดี
เพื่อให้เป็นที่สบายใจแก่ทุกฝ่าย ซึ่งหากพบว่ามีทหารหรือตำรวจนอกแถวก็จะจัดการอย่างเด็ดขาดทันที ส่วนการปักธงว่า คนร้ายต้องไม่ใช่ทหารนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ ที่สำคัญคือการเร่งหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุดต่างหาก"
นี่คือถ้อยคำของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคมช.ที่เปิดเผยผ่าน "ผู้จัดการรายสัปดาห์อย่างตรงไปตรงมาว่า การสืบคดีไม่ได้มีการปักธงว่าคนร้ายต้องไม่ใช่ทหารแม้ว่าจะเคยเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของพล.สนธิซึ่งหลักฐานที่ตรวจพบนั้นเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอนเท่านั้น จึงไม่มีทางที่จะเป็นผู้ก่อเหตุ จุดนี้จึงเป็นสิ่งที่พล.สนธิค่อนข้างมั่นใจว่าพ.ท.สุชาติไม่เข้าข่ายต้องสงสัย และมั่นใจว่าทหารไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง
เชื่อ สัมพันธ์ ตร.ทหาร.ไม่สะบั้น
อย่าไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความเป็นห่วงก็คือความขัดแย้งระหว่างทหารและตำรวจ ที่เกิดจากการที่ทหารตกเป็นจำเลยของสังคมมาแล้วในหลายคดี อาทิ คาร์บอมบ์ และเหตุระเบิด 9 จุด แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองเหล่าทัพมากนัก
โดย พล.อ.กิตติ รัตนฉายา หรือ "แม่ทัพฉิ่ง" อดีตแม่ทัพภาคที่ 4มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่พอใจต่อทหารหลายท่านแต่การที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวทหารถึงในกรมกองก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และภายหลังก็พบว่านายทหารที่ถูกคุมตัวไปนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัญหาความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายจึงไม่น่าจะเป็นความบาดหมางหรือเป็นเรื่องที่ใหญ่โต
"จริงที่ทหารต่างก็มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ทว่าการเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยนั้นก็ทำได้และเชื่อว่าต้องมีการขออนุญาติจากผู้บัญชาการแล้ว ซึ่งหากทหารเองมีความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ได้กระทำผิดก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกควบคุมตัว แล้วผลที่ออกมาพบว่าไม่มีความผิดจริงทุกคนก็ถูกปล่อยตัวออกมาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามเดิมและก็เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่สร้างความแตกแยกระหว่างทหารและตำรวจอย่างแน่นอน "
ทางฟากของนักวิชาการ
อย่าง ศ.ดร..สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ คณบดี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้นมองว่าเรื่องที่ตำรวจพยายามที่จะงัดข้อกับทหารในเวลานี้เพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่น่าเป็นไปได้
เนื่องจากขณะนี้ทหารมีอำนาจครอบคลุมในทุกด้าน อีกทั้งภาพพจน์ที่ตกต่ำของตำรวจนั้นจะเป็นตัวเร่งให้ตำรวจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งตัวอย่างจากการเข้าควบคุมตัวทหารถึงในกรมนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่แสดงให้เห็นว่าตำรวจไม่เลือกปฏิบัติทำงานตรงไปตรงมา
และจุดนี้หากมองกันดีๆก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรซึ่งเมื่อพบข้อสงสัยก็เข้าสืบสวนทันที รวมทั้งตลอดการสืบสวนก็มีคณะทหารพระรัฐธรรมนูญร่วมสืบสวนด้วยตลอด จึงไม่น่าเป็นที่กังขาจนสร้างความแตกแยกระหว่างทหารและตำรวจได้
"การที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นทหารในกรม กอง หรือไม่ว่าจะที่ใดที่เป็นเขตทหารนั้น หากมองว่าเป็นการหมิ่นเกียรติของทหารก็เชื่อว่าเป็นการมองอย่างใจแคบและหวาดระแวงเกินไป ซึ่งทั้งที่จริงในเวลานี้ทุกฝ่ายควรที่จะร่วมมือกัน เนื่องจากตำรวจต้องทำตามหน้าที่ การเข้าไปควบคุมตัวตัวผู้ต้องสงสัยนั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"
กลับกันหากตำรวจไม่เข้าไปดำเนินการ
จึงจะถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดเสียมากกว่าเพราะจะเป็นการเลือกปฏิบัติ เมื่อเห็นว่าเป็นทหารหรือตำรวจแต่ไม่เข้าคุมตัวเพื่อสอบสวน นี่คือความผิดที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นหากคนร้ายเป็นตำรวจหรือทหารก็ไม่มีทางที่จะจับได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะยังไม่สามารถสืบหาตัวคนร้ายในคดีดังกล่าวได้แต่บทสรุปสุดท้ายน่าจะไม่พ้นสองคำตอบก็คือ การพ้นจากตำแหน่งของผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิท และการได้ตัวคนร้ายที่ไร้ข้อครหาว่าเป็นแพะ ซึ่งฝ่ายตำรวจรู้ดีว่าเสียงของ พล.อ.สนธิ ที่ว่า "ขอให้สืบสวนกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยความโปร่งใส และไม่ให้ซ้ำรอยคดี เชอร์รี่แอน ดันแคน หากมีการจับแพะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องเป็นผู้รับผิดชอบ" นั้นเข้มเพียงใด....
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday