เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 30 พ.ค.2555 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ได้เข้าพบหารือกับนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี) เนื่องในโอกาสที่นางเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกว่าด้วยเอเชียตะวันออก(World Economic Forum on East Asia) ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ โดยใช้เวลาในการพบปะประมาณ 20 นาที
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการหารือทั่วไปในเรื่องของความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศพม่า และความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ส่วนเรื่องที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเฉพาะเจาะจงคือ เรื่องของอนาคตแรงงานพม่าในประเทศไทย ซึ่งการจัดระเบียบจะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เนื่องจากการที่นางซูจีมาเยือนไทยครั้งนี้ได้พบกับแรงงานชาวพม่าในประเทศไทยและนางซูจียังได้แสดงความต้องการที่จะไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ยังพูดคุยถึงเรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจในพม่า ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเพราะขณะนี้ธุรกิจต่างๆให้ความสนใจไปลงทุนในพม่ามากขึ้น
รวมถึงการเติบโตของอัตราการลงทุน เรื่องค่าเงิน แต่ตัวระบบกฎหมายต้องมีการปรับปรุงและปฏิรูป นอกจากนี้ยังได้พูดคุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเอ็นแอลดี ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองของสองประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่ากรณีของพม่าจะพูดคุยถึงเรื่องการปฏิรูประบบเศรษฐกิจของพม่า แต่การเมืองของไทยไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่านางซูจี ได้แสดงความเป็นห่วงแรงงานพม่าในไทยอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
นางซูจีได้เล่าถึงการได้ไปพบกับแรงงานพม่าและได้รับทราบถึงปัญหา เช่น ปัญหาแรงงานพม่ากับเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ส่วนกรณีที่จะมีการไหลเข้า-ออกของแรงงานพม่านั้น คงจะมีพลวัตค่อนข้างมาก เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อมีการเปิดประเทศก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน ก็มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ค่าแรง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมรับ
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าการออกนอกประเทศครั้งแรกของนางซูจี ถือว่ามีความหมายมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มีความหมายสำหรับทุกฝ่าย ซึ่งเขาก็ยอมรับว่า ที่จริงประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านของพม่า เขาก็ดีใจที่ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้มาเยือน