เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26-29 พ.ค. ว่า
เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ
เดินทางมายังโรงแรมแชงกรีลา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นประธานเปิดงานสัปดาห์อาหาร "Thailand : Kitchen to the world" โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมงานนิทรรศการ พร้อมทั้งสาธิตวิธีการทำอาหารไทย ได้แก่ ยำทะเล และส้มตำ คู่กับเชฟเดวิด ธอมป์สัน ชาวออสเตรเลีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานสัปดาห์อาหาร "Thailand : Kitchen to the world" ว่า
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาในงานนี้ คนไทยมีความภาคภูมิใจในอาหารไทยเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องรสชาติ และการตกแต่งอาหาร ทำให้อาหารไทยมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากทั่วโลก จากการศึกษาเมื่อหลายปีที่ผ่านมาพบว่าอาหารไทยติด 1 ใน 5 อาหารยอดนิยมในออสเตรเลีย และหวังว่าอาหารไทยจะยังคงติดอันดับและเป็นที่ชื่นชอบต่อไปและมากยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารหลักของโลก รายได้จากการส่งออกอาหารของไทยมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกทั้ง ไทยยังเป็น 1 ในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอีกด้วย โดยที่มีออสเตรเลียเป็นลูกค้ารายสำคัญที่นำเข้าข้าวไทย มากกว่า 110,000 ตันต่อปี และไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังออสเตรเลียสูงสุดเป็นอันดับ 5 โดยมีการเติบโตประมาณร้อยละ 5–10 ต่อปี โดยอาจกล่าวได้ว่า ไทยเป็นผู้ผลิตผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพในราคาที่แข่งขันได้ และ ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งจะทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อโลกมีความท้าทายมากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ ซึ่งในบางครั้งนำไปสู่การขาดแคลนอาหาร
สำหรับรัฐบาลได้ดำเนินโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก”
เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อาหารและเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเป้าหมายหลักของโครงการ คือ การผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล โดยมีกลยุทธ์ครอบคลุมและครบวงจรทั้งด้านวัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มและศูนย์กระจายสินค้า
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่
1.การขยายธุรกิจการเกษตรและอาหาร 2.การเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง 3.การสนับสนุนความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและระดับโลก ซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร 4.สนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างแดน
หลังจากนั้น เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมภัตตาคารไทยและร้านค้าผู้นำเข้าสินค้าอาหารไทยในย่านไทยทาวน์ ถนนแคมป์เบลล์ นครซิดนีย์ เพื่อสอบถามและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ ก่อนออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ด สมิธ นครซิดนีย์เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร Faibairn Defence Establishment กรุงแคนเบอร์รา ในเวลา 15.55 น. และเดินทางเข้าสู่โรงแรมไฮแอต แคนเบอร์ร่า ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียจัดให้เป็นที่พัก