ป๋าเปรม ระบุถ้าผู้บริหารไม่มีคุณธรรมจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง และนำความทันสมัย ความโก้ หรูหราไปใช้ผิดทางเช่นในอดีตก็เป็นโทษ เกิดผลเสียตามมา และเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้ว
ป๋าเปรม ชี้ผู้นำขาดคุณธรรมสร้างบทเรียนเจ็บปวดมาแล้ว
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าว
เปิดการประชุม สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติและตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 2 ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่างานนี้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2548 เป็นเวลาปีกว่ามาแล้ว จึงมีงานครั้งที่ 2 คุณธรรมจะว่าเป็นนามธรรมก็เป็น จะว่าไม่ใช่ก็ถูก ที่สำคัญคือเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ในหัวใจ จิตวิญญาณของคน
เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ ต้องยึดถือ ต้องปฏิบัติ และจำต้องพูดกันบ่อยๆ และเสมอๆ จึงจะหวังผลสัมฤทธิ์ได้ ยิ่งใช้คำว่า แห่งชาติ ด้วยก็ยิ่งต้องตระหนักในความสำคัญเรื่องของความต่อเนื่องและยั่งยืน
ตนคิดว่าการแสดงและประพฤติปฎิบัติเป็นตัวอย่างของผู้คนในบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่น้อย ชี้ให้เด็ก เยาวชนได้เห็นของจริงในทุกภาคส่วน ในการศึกษา การกีฬา ครอบครัว ภาคสังคม เศรษฐกิจ และในภาคการเมือง ชี้ให้เห็นถึงคุณและโทษระหว่างการมีคุณธรรมและการไม่มี ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับประเทศอันเป็นที่รักของเรา ถ้าผู้บริหารไม่มีคุณธรรม ต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า
ทุกวันนี้พูดถึงแต่โลกาภิวัตน์ นาโนเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีทดแทนคนหรือลดจำนวนแรงงานคน จนทำให้เกิดความสะดวกสบาย ทำให้ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ทำให้ดูโก้ ทันสมัย หรูหรา แต่ถ้าผู้คนเหล่านั้นนำสิ่งเหล่านั้นไปใช้โดยปราศจากคุณธรรม หรือไม่สนใจไยดีแทนที่จะกลับเป็นคุณ จะกลายเป็นโทษอาจจะร้ายแรงจนทำให้ความมั่นคงของประเทศอันเป็นที่รักของเรากระทบกระเทือนได้
เหตุการณ์ในอดีตๆ ส่อให้เห็นชัดเจน เป็นบทเรียนที่เจ็บปวดเป็นประสบการณ์ที่ราคาแพง จึงใคร่ขอให้พวกเราทุกคน ผู้รักชาติบ้านเมือง โปรดตระหนักในเรื่องเหล่านี้ หันมาสอนหันไปแนะนำให้คนไทยเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นให้คนไทยเห็นความสำคัญของการให้ อดีตนายกรัฐมนตรี Churchill พูดว่า We make our living by what we get. We make our life by what we give แนะนำชักชวนส่งเสริมให้คนไทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ fall in love กับคุณงามความดี คุณธรรมก็จะตรึงอยู่ในจิตวิญญาณของคนไทยทุกคน
ประธานองคมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า
งานนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นเป็นมงคลในการเริ่มจัดงานที่มีทั้งส่วนของงานสมัชชาซึ่งเป็นเวทีระดมความคิดและแนวทางในการขับเคลื่อนสังคม
โดยใช้พลังด้านคุณธรรม และส่วนของตลาดนัด ซึ่งเป็นเวทีแสดงกิจกรรมด้านคุณธรรมที่หลากหลาย เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง คุณธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องลึกซึ้ง สูงส่ง แต่เป็นเรื่องที่สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาชีวิตเพื่อก่อให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน
ที่สำคัญการที่คนทั้งหลายมาร่วมกันในงานวันนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของความดี ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความคิดเรื่องคุณธรรม ได้ทำในสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรม และทุกคนก็มุ่งหรือพร้อมจะส่งเสริมสนับสนุนเรื่องคุณธรรม ทั้งในระดับบุคคลครอบครัว ชุมชน สถาบัน องค์กร และสังคม
สอดคล้องกับแนวคิดหลักในการจัดงานครั้งนี้ว่า ถึงเวลา...คุณธรรมนำสังคมไทย เชื่อมั่นว่าคุณธรรมหรือความดีมีอยู่ในหัวใจทุกคนและมีอยู่ในสังคมมนุษย์โดยรวม งานสมัชชาฯ จึงเปรียบเหมือนงานรวมพลคนทำดีจากทั่วประเทศ และทุกภาคส่วนที่มาร่วมกันทางความคิด ร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์
ร่วมสร้างความเป็นกัลยาณมิตรสร้างเครือข่ายที่จะทำงานพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรมร่วมกัน เปรียบเหมือนการมาร่วมกันรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้เมล็ดพันธุ์แห่งความดีที่อยู่ในตัวเราทุกคนงอกงามเติบโตเต็มแผ่นดิน เชื่อมโยงเราทุกคนเข้ามาหากันด้วยความเมตตากรุณา และร่วมกันพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมคุณธรรม
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ