วันนี้ (17 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากประเทศกัมพูชา ไปยังประเทศสิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โจมตีว่างานฉลองสงกรานต์ที่ผ่านมา เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ทักษิณนั้นยืนยันว่าเป็นการเดินทางปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ การที่คนไทย 3-4 หมื่นคนเดินทางไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องปกติของคนที่เคารพนับถือกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่อยากให้ฝ่ายอำมาตย์ หรือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตื่นตระหนกในการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณในลักษณะนี้ เพราะหลังจากนี้จะมีการเดินทางรูปแบบนี้อีก ไม่ควรมองว่าการเดินทางมาใกล้ประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการจะเร่งรัดรัฐบาลให้เริ่มต้นกระบวนการปรองดองใด ๆ ทั้งสิ้น
นายนพดลกล่าวอีกว่า นอกจากนี้การที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องการพูดว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล โดยพยายามเชื่อโยงกับสถาบันเบื้องสูงนั้น ขอชี้แจงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ที่พูดว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล แต่ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับการจะได้เดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่เลย พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศไทยต่อเมื่อกระบวนการปรองดองทุกอย่างเสร็จสิ้น และมีการผ่านกฎหมายสำคัญที่จะสร้างความปรองดองให้กับประเทศเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะพาดพิงสถาบันใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนของการสร้างความปรองดองนั้น ยืนยันว่าจะไม่ใช่เป็นการล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากการออกกฎหมายปรองดองนั้น จะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และไม่น่าจะใช่มาจากการผลักดันของรัฐบาล แต่น่าจะเป็นการขับเคลื่อนของ ส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก หรือประชาชนเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเห็นร่วมกันว่าควรจะมีการออกฎหมายปรองดองเพื่อลบล้างการยึดอำนาจ 19 ก.ย. และเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหาย ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเงื่อนไขของการเยียวยา จากการยึดอำนาจก็สมควรได้รับการเยียวยาด้วยอีกคนหนึ่ง
ที่ปรึกษาอดีตนายกทักษิณระบุต่อว่า วันนี้เราอยู่บนหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญว่าจะอยู่กับความขัดแย้งต่อไปหรือ ปลดล็อกประเทศออกจากวิกฤติความขัดแย้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะตกขบวนรถไฟการปรองดองหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่พรรคเพื่อไทยจะไม่รอ เพราะเชื่อว่าสภาจะเดินหน้ากฎหมายปรองดองในเวลาที่เหมาะสม แต่จะไม่มีการเร่งรีบหรือเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการใดๆทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลมีภาระงานอีกหลายเรื่อง และการที่รัฐบาลจะไม่เป็นผู้เสนอก็เพราะเกรงจะถูกล่าวหาว่ารัฐบาลน้องสาวช่วยพี่ชาย
นายนพดล กล่าวว่า นอกจากนี้ในระหว่างการเสนอกฎหมายปรองดองเข้าสู่การพิจารณาของสภา ก็จะมีการใช้กระบวนการสุนทรียเสวนากับฝ่ายต่างๆ ที่ในหลักวิชาการจะเรียกว่าเป็นการพูดคุยแบบตกลงโดยไม่ตกลง คือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการพูดจากัน ทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กองทัพ หรือแม้แต่นักธุรกิจภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อกับทิศทางของประเทศ ทั้งหมดเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ซึ่งอาจจะมีความคิดเห็นตรงกัน หรือไม่ตรงกันก็ได้ เพราะสุดท้ายจะต้องให้เสียงข้างมากเป็นคนตัดสินว่าจะไปในทิศทางไหน นายนพดล กล่าวว่า
สำหรับกรณีที่นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าให้ระวังว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะโดนยึดอำนาจ นั้นตนไม่เชื่อว่าจะมีการยึดอำนาจเหมือนครั้งที่บิดานายสกลธี คือพล.อ.วินัย ภัทริยกุล อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)) เคยยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณอีก และล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก ก็บอกแล้วว่าทหารในยุคนี้เป็นทหารยุคใหม่ จะไม่มีการยึดอำนาจอีก หวังว่าคงจะไม่มีการยึดอำนาจแบบบิดาของนายสกลธีอีก ดังนั้นจึงไม่อยากให้นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มาขู่ข่มขู่นักการเมืองด้วยกันเรื่องการยึดอำนาจอีก.