"ยิ่งลักษณ์" พร้อมยืนยันบทบาทไทยพัฒนาประเทศลุ่มน้ำโขง ในเวทีผู้นำประเทศลุ่มโขงที่แดนปลาดิบ แถมใช้เวทีนี้ประกาศความร่วมมือพี่ยุ่นพัฒนาโครงสร้างป้องกันอุบัติภัย
วันที่ 15 เม.ย.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เสร็จสิ้นการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 17- 19 เม.ย. นี้แล้ว นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19 - 22 เมษายน 2555 เพื่อยืนยันบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
โดยการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย ไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และญี่ปุ่น โดยเป็นการประชุมระดับผู้นำ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มความร่วมมือนี้โดยจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ Mekong-Japan ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมกราคม 2551 โดยการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่บาหลี ที่ผ่านมา เน้นการจัดการกับปัญหาภัยภิบัติ และบริหารทรัพยากรน้ำญี่ปุ่น เกิดจากการที่ญี่ปุ่นต้องการมีบทบาทที่ชัดเจนขึ้นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาระหว่างอาเซียนเพื่อความแข็งแกร่งของอาเซียน ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของทวีปเอเชียต่อไป โดยญี่ปุ่น จะให้ความช่วยเหลือให้กับ 4 ประเทศในลุ่มน้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ในด้านต่างๆ
ดังนั้น การเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งที่ 4 นี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนร่วมกับญี่ปุ่นในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไทยได้รับการยอมรับ รวมทั้งสร้างความมั่นใจต่อมาตรการของไทยในการจัดการภัยภิบัติ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีจะได้ยืนยันถึงความพร้อมในการร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับภัยภิบัติได้ ครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงอนุภูมิภาค และความมั่นคงมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเกี่ยวกับเด็กและสตรีที่ไทยให้ความสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า โดยการประชุมในครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากจะมีการรับรองเอกสาร Tokyo Strategy for Mekong-Japan Cooperation ซึ่งจะกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อจัดทำเสาหลักในการพัฒนาความร่วมมือในช่วง 3 ปีข้างหน้า ได้แก่ เสาหลักที่ 1 เสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เสาหลักที่ 2 การพัฒนาไปพร้อมกัน และเสาหลักที่ 3 การรักษาความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม