"ทำไมไม่เช็กหรือตรวจสอบก่อนเอาไปลง เขาพูดมาก็เชื่อหมด เอาไปเขียนหมด ก็รู้อยู่แล้วว่าคำพูดเชื่อได้หรือเปล่า"
นั่นคือ เสียงที่มีคนได้ยิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ.) พูดระหว่างเข้าร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
คำที่สะกิดใจ จน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพูดแบบนี้ คือ คมช.2
แล้ว คมช.2 มาจากไหน?
ลองฟังเรื่องราวนี้
...ฝ่ายพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ลืมว่า ศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในฝั่งอำมาตย์นั้นยังคงอยู่กันพร้อมหน้า และยังอยู่ในสถานะสำคัญ เพียงแต่ยังไม่ออกอาวุธ แค่ลองเชิงก่อน
เท่านั้น เพราะไม่สามารถต้านทานพลังของประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาอย่างถล่มทลาย จึงต้องเก็บตัวงียบไปก่อน
กระนั้นก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เพื่อชิงไหวชิงพริบในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจอย่างไม่มีวันจบสิ้น
สายข่าวในฝั่งรัฐบาลอ้างว่า มีการนัดประชุมรวมตัวกินข้าวกันของแกนนำอำมาตย์หน้าเก่าๆ หน้าเดิมๆ ที่บ้านสุขุมวิทหลังเดิมอีกแล้ว แม้แต่ประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์ก็ปิดสนิทดูเงียบนิ่ง แต่ทว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ใน “เรือนหลังเล็ก”
ไม่แค่นั้น ยังมีก๊วนเสื้อสีน้ำเงิน รวมตัวพบปะวางแผนการต่างๆ โดยเปลี่ยนจากโรงแรมพูลแมนและปริ๊นเซส มาเป็นโรงแรม Jazz กลางเมือง เป็นกองบัญชาการ
รวมทั้งแกนนำพรรรคประชาธิปัตย์บางคนยังพบปะกินข้าวกับอดีตบิ๊กทหาร ที่ล้วนเป็นพี่เลิฟของ พล.อ.ประยุทธ์
ขณะที่ฝ่ายข่าวกรองของอำมาตย์ก็ระบุว่า มีคีย์แมนสายรัฐบาลและบีกราชการนัดหารือกันเนืองๆ ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 18 ซึ่งถือเป็นวอร์รูมของแก๊งสีแดง
ที่สำคัญ อาคารหลังนี้เคยตกเป็นข่าวลือหนาหูคนในซอย เมื่อปลายเดือนตุลาคมในช่วงวิกฤตน้ำท่วมว่า พ.ต.ท.ทักษิณแอบเข้ามาพำนักอยู่เพื่อดูลู่ทางในการกลับประเทศ พบปะคนใกล้ชิดและวางแผนให้น้องสาว
และยังเป็นที่รับรองดูแล พล.ท.ฮุนมาเน็ต ลูกชายสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มาพักเงียบๆ ก่อนล่วงหน้าหลายวัน เพื่อรอไปร่วมงานแต่งงาน “เอม” พินทองทา ชินวัตร เพื่อต้นเดือนธันวาคม ท่ามกลาง รปภ.อย่างเข้มงวด
ที่สำคัญ เจ้าของอาคารนี้เป็นนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับฝ่ายอำมาตย์ จนเขาต้องปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำให้ถูกพวกเดียวกันหวาดระแวง
ไม่เพียงเท่านั้น หน่วยข่าวกรองยังได้รับรายงานว่า มีการหารือถึงแผนการสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้ฝ่ายอำมาตย์ หรือกลุ่มอำนาจเก่าด้วย
จน พล.อ.ประยุทธ์จัดตั้งหน่วยข่าวลับส่วนตัวในการเกาะติดความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
“พวกนั้นเขายังอยู่กันครบนะ แต่ละคนรอจ้องอยู่ทั้งนั้น”
“อาจจะมี คมช. อีกครั้ง เพราะทีมงานที่เคลื่อนไหววางแผนกันอยู่ก็พวกเดิมๆ ทั้งนั้น แต่จะกล้าปฏิวัติหรือเปล่า ก็ลองดู”
“ก็เป็นพวกกลุ่มเดิมนั่นแหละ ที่ผมเคยไปร่วมประชุมวางแผน ปฏิวัติ ตอน คมช. นั่นแหละ พวกนี้เขายังไม่ยอมหยุด จะพยายามล้มรัฐบาลด้วยวิธีการเดิมๆ ในอดีต แต่ถ้าไม่สำเร็จ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็ต้องให้ทหารปฏิวัติ”
นี่คือ คำพูดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ระคายหู
เป็นคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหาร จปร.7 ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงรัฐประหารปี 2549 แต่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ก่อนการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 พล.อ.พัลลภ เคยพูดว่า ได้รับมอบหมายจาก “บี๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในเวลานั้นให้ไปเป็นตัวแทนประชุมร่วมกับบุคคลต่างๆ อีก 7 คน เพื่อวางแผนปฏิวัติ โดยไปพบกันที่บ้านสุขุมวิทของ ป.
และเป็นข้อความที่อยู่ในบท “คมช.” ในหนังสือ “ลับ ลวง พราง ภาค 5 ศึกชิงอำนาจ ผ่าแผนปฏิวัติเลือด”ของ วาสนา นาน่วม ที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนอยู่ในวันนี้