น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยสำนักข่าวเนชั่นว่า
ในฐานะที่ร่วมอยู่ในกระบวนการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 ขอยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่ได้เป็นแบบที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอว่าให้นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยกเลิกคดีความทั้งหมด โดยคำสั่ง 66/23 นั้นมุ่งนิรโทษกรรมให้กับนักศึกษา ประชาชนและผู้บริสุทธิ์ มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่ได้มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ แต่สถานการณ์การเมืองผลักให้ไปเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลจึงเห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคง จึงหาทางให้เขาได้กลับออกมาร่วมพัฒนาชาติบ้านเมือง
น.ต.ประสงค์ระบุว่า คำสั่ง 66/23 มีเงื่อนไขชัดเจนว่า การนิรโทษกรรมไม่รวมถึงคนที่มีคดีอาญาติดตัว เผาสถานที่ราชการ ฆ่าเจ้าหน้าที่
คนพวกนี้ยังต้องถูกดำเนินคดี เป็นมาตรการแยกปลาออกจากน้ำ ฉะนั้น คดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเป็นต้องดำเนินการต่อไป เพื่อรักษากระบวนการยุติธรรมของชาติ พล.อ.ชวลิตกำลังบิดเบือนประวัติศาสตร์ 66/23 ไม่ได้เป็นการปล่อยแบบเหมาเข่งทั้งหมด พล.อ.ชวลิตไม่ควรลืมเงื่อนไขเหล่านี้ ความคิดที่ว่าช่วยเหลือคนบางกลุ่มแล้ว บ้านเมืองจะเข้าสู่ความปรองดอง เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง แต่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งบานปลายออกไป
"พล.อ.ชวลิตเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ผมจึงไม่คิดว่าท่านจะลืมในสิ่งที่ท่านเคยทำมากับมือ ท่านอาจจะคิดว่าบ้านเมืองจะมีทางออกได้ต้องช่วยคนบางคน บางกลุ่มเสียก่อน เมื่อคนคนนั้นพอใจแล้วก็บังคับให้คนอื่นต้องยอมปรองดองไปด้วย บอกได้เลยว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะความปรองดองมันบีบบังคับกันไม่ได้ ต้องเกิดจากความสมัครใจ ขืนใช้เสียงข้างมากลากไปเรื่อยๆ ความรุนแรงจะไม่มีวันสิ้นสุด" น.ต.ประสงค์กล่าว