กรุงเทพโพลล์ชี้ยิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญเศรษฐกิจสร้างสรรค์น้อยกว่าอภิสิทธิ์

กรุงเทพโพลล์ชี้ยิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญเศรษฐกิจสร้างสรรค์น้อยกว่าอภิสิทธิ์

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)

เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 29  แห่ง จำนวน 66 คน เรื่อง  “รัฐบาลยิ่งลักษณ์กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่  15 – 21 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า

นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 48.5 เห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์น้อยกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมา (รัฐบาลอภิสิทธิ์)  ขณะที่ร้อยละ 28.8 เห็นว่าให้ความสำคัญพอๆกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา  และมีเพียงร้อยละ 3.0 เท่านั้นที่เห็นว่าให้ความสำคัญมากกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์มากถึงร้อยละ 98.5 เห็นว่าประเทศไทยควรสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้มีขึ้นในระบบเศรษฐกิจของไทย  

โดยประเภทของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เห็นว่าเหมาะกับศักยภาพของคนไทยและรัฐบาลควรส่งเสริมมากที่สุดคือ  อาหารไทย (ร้อยละ 93.9)  รองลงมาเป็นประเภท ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม/ความหลากหลายทางชีวภาพ (ร้อยละ 83.3) งานฝีมือและหัตถกรรม (ร้อยละ 83.3) และแพทย์แผนไทย         (ร้อยละ 65.2) ตามลำดับ
 

ด้านความคิดเห็นที่มีต่อองค์ประกอบของเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้น  ร้อยละ 95.5

เชื่อว่าไทยมีทรัพยากรในท้องถิ่นที่เอื้อให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์  ร้อยละ 74.2 เชื่อว่าไทยมีกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่  ร้อยละ 72.7 เชื่อว่าไทยมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนที่มีผลทางอ้อม (Multiplier effects) ต่ออุตสาหกรรมสร้างสรรค์หลัก  ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 50 เชื่อว่าประเทศไทยไม่มีองค์ประกอบด้านระบบสังคมที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ 

เมื่อถามถึงความคิดเห็นที่มีต่อแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทย  สินค้าของไทย  หรือผู้ประกอบการไทย  สามารถแข่งขันในเวทีระดับอาเซียนซึ่งจะมีการเปิดเสรีในปี 2015  ได้หรือไม่       ร้อยละ  62.1  เชื่อว่ามีส่วนสำคัญช่วยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีอาเซียน

สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญในการนำแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาใช้กับประเทศไทย คือ ปัญหาการเมืองทำให้การดำเนินนโยบายขาดความต่อเนื่อง
 
ขาดความชัดเจน  ขาดรายละเอียด และขาดวิสัยทัศน์  ขณะที่ผู้บริหารและบุคลากรภาครัฐไม่มีความรู้ความเข้าใจในเศรษฐกิจสร้างสรรค์  รวมถึงสื่อไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร (ร้อยละ 43.9) รองลงมาเป็นระบบการศึกษายังล้าสมัย ไม่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์  ทำให้คนไทยไม่ใช่นักคิดนอกกรอบ  กรอบแนวคิดของคนไทยยังแคบ (ร้อยละ 22.0)  และขาดการวิจัยพัฒนาอย่างจริงจัง  รวมถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา (ร้อยละ 17.1)
  


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์