พท.ร้องดีเอสไอสอบกทม.ติดกล้องเปล่า จ่อยื่นป.ป.ช.-สตง.สอบด้วย ชี้เข้าข่ายการหลอกลวง น่ามีเรื่องไม่โปร่งใส จี้“มาร์ค” ร่วมตรวจสอบ-อย่าทำทองไม่รู้ร้อน
เมื่อเวลา 11.15 น.วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีการเปิดเผยว่ามีการติดตั้งกล้องหลอกหรือ “กล้องดัมมี่” แทนการติดตั้งกล้องจริงว่า ตนและคณะทำงาน ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะประชาชนได้รวบรวมรายชื่อ 400 กว่าคน ร้องเรียนความเสียหายว่าเรื่องนี้น่าจะเข้าข่ายการหลอกลวง จึงมาขอให้พรรคตรวจสอบ ซึ่งพวกตนได้รวบรวมเอกสารการอนุมัติงบประมาณตั้งแต่สมัยที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องมาถึงสมัยของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แล้วเห็นว่าการดำเนินการอย่างนี้น่าจะเข้าข่ายไม่ชอบตามกฎหมาย และน่าจะมีเรื่องความไม่โปร่งใส อีกทั้งการที่กทม.ชี้แจงอ้างว่ามีกล้องเปล่าอยู่ประมาณ 500 ตัวนั้น ตนทราบว่ามีมากกว่านี้ ดังนั้นตนจะไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะดีเอสไอเคยสอบสวนความไม่โปร่งใสในโครงการของกทม.ในสมัยที่นายอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯกทม.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อเรารวบรวมหลักฐานพร้อมแล้วก็จะยื่นร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวมถึงการใช้ช่องทางคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบต่อไป เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าทั้งนายอภิรักษ์ และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ น่าจะมีการกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่เคยอ้างเรื่องความรับผิดชอบต่อประชาชน แต่วันนี้กลับมาทำเรื่องลวงโลกอย่างนี้ ซึ่งประชาชนรับไม่ได้
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่าทำท้องไม่รู้ร้อน โดยต้องเข้ามาร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหาย อย่าให้พวกตนตรวจสอบเพียงฝ่ายเดียว มิฉะนั้นจะมากล่าวหาว่าพวกตนจ้องแต่ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ ก็อาจถูกกล่าวหาว่าเห็นแก่พวกพ้อง นอกจากนี้พรรคจะตรวจสอบโครงการของกทม.อีกหลายโครงการ เพราะมีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามา ซึ่งจะมีการนำมาเปิดเผยอีกมีประมาณ 3-4 เรื่อง