“เฉลิม” ซื้อใจนายดาบผลักดันกฏเกณฑ์ติดดาวเข้า ก.ตร. พร้อมหนุนดีเอสไอ สั่งไม่ฟ้องแดงก่อการร้าย
วันนี้(21 ก.ย.) ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอเล็กซานเดอร์ มาริยาซอฟ เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า เอกอัครราชทูตรัสเซียฯ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายส่วนทั้งด้านการข่าว การแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการปรับปรุงข้อกฎหมาย ที่สำคัญที่สุดได้แสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะนายกฯคนปัจจุบันเป็นน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังการปฏิวัติได้เยี่ยมเยียนที่รัสเซียหลายครั้ง นอกจากนี้ รัสเซียมีความมุ่งมั่นและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในสิ่งที่รัฐบาลเราจะร้องขอและหรือขอความช่วยเหลือ อีกทั้ง เขามีความเป็นห่วงการที่ชาวรัสเซียที่ไปท่องเที่ยวภาคใต้ จึงได้สอบถามสถานการณ์ โดยตนได้อธิบายไปโดยย่อ ทั้งนี้ ชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เมื่อปีที่แล้ว มีจำนวน 6 แสนคน และปีนี้ก็เพิ่มมากขึ้นชงปรับ ด.ต. 53 ปี ติดดาว เข้าก.ตร.
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการปรับเลื่อนตำรวจชั้นนายดาบขึ้นเป็นนายร้อยตำรวจว่า เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีงบประมาณเพียงพอดำเนินการ
นายดาบ อายุ 53 ปี เมื่อเข้าอบรมแล้วปรับยศเป็น ร.ต.ต. ร.ต.ท. และร.ต.อ. เขาจะอายุ 59 ปี และครบ 60 ปี ไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนอะไร เพราะเงินเดือนเขาถึงแล้ว แต่ถ้าเอาเกณฑ์อายุ 52ปี จะมีปัญหาปีสุดท้ายเพราะต้องหาตำแหน่งสารวัตรให้ ซึ่งเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)แล้ว และจะเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจนั้น กำลังปรับดูชื่อดูตำแหน่ง คาดว่าไม่เกินกลางเดือน ต.ค. จะเสร็จเรียบร้อย
หนุนดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องแดงก่อการร้าย
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ส่งสัญญาญว่าจะปล่อยตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ทั้งที่รัฐบาลมีนโยบายจะปราบปรามเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และพวกที่เคลื่อนไหวคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า อาจจะเข้าใจผิด ดีเอสไอจะปล่อยใครไม่ได้ ถ้าการสอบสวนเห็นว่าที่กล่าวหาไว้ไม่ผิด ก็ต้องทำสำนวนสั่งไม่ฟ้อง โดยต้องดูว่าทางอัยการเห็นด้วยหรือไม่ หรือผู้ต้องหาที่เป็นจำเลยและถูกควบคุมตัวโดยศาล ก็ต้องขอประกันตัวถ้าคดียังไม่เสร็จ ดีเอสไออาจจะช่วยในประเด็นว่าถ้าเคยคัดค้านการประกันตัวไว้ แล้วบอกว่าขณะนี้คดีคลี่คลายไปแล้วเห็นควรไม่คัดค้านการประกันตัว ทำได้แค่นั้น ทำมากกว่านั้นไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มผู้ได้รับการเดือดร้อนจากการชุมนุมทางการเมือง
เช่น กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ กลัวว่ารัฐบาลจะไม่ดูแลจะให้ความมั่นใจอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.รัฐบาลได้รับรายงานจากคณะกรรมการคอป.ของนายคณิต ณ นครแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการติดตามและเยียวยา โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน คงจะเร่งรีบดำเนินการทั้งในแง่คืนความเป็นธรรมและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกภาคส่วนเป็นภาพรวมในเร็ว ๆ นี้
เมื่อถามว่า จะดูแลบรรเทาผู้ต้องหาคนเสื้อแดงที่ถูกตั้งข้อหาร้ายแรงเกินจริง เป็นคดีก่อการร้ายอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า
ข้อเสนอของ นายคณิตหมายความว่ารัฐบาลควรหามาตรการ คดีการชุมนุมเกินกี่คนเป็นการชุมนุมทางการเมือง ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย รัฐบาลควรพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ซึ่งต้องถามคระกรรมการชุดนายยงยุทธ เมื่อถามว่า จะมีช่องทางตัดข้อกล่าวหาคดีก่อการร้ายไปได้หรือไม่ เพราะกลุ่มผู้ค้าราชการประสงค์ก็มีปัญหาบริษัทประกันก็ไม่จ่ายเงินสินไหมทดแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไปตั้งข้อหาก่อการร้าย ไอ้นี่เป็นข้อยกเว้น ผมจะบอกให้กฎหมายอาญา ม. 135/1แก้ไขเพิ่มเติมสมัยพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ยูเอ็นเขาแนะนำให้แก้ไขเรื่องการก่อการร้าย ในวรรคสุดท้ายถ้าเป็นการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ชุมนทางการเมือง ไม่ถือเป็นผู้ก่อการร้าย แต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่ดูวรรคสุดท้าย เมื่อถามย้ำว่า แล้วรัฐบาลนี้จะแก้ไขเพื่อปลดล็อคตรงนี้ให้ถูกต้องหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว ข้อเสนอของนายคณิตทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ตนไม่ได้รับมอบหมายให้ดูเรื่อนี้คงไม่เสนอต่อนายกฯ เดี๋ยวนายยงยุทธจะดุเอา ใครออกมาคัดค้านเรื่องนี้ก็เสียแต้มเสียคะแนน แต่คัดค้านก็สนุก โบ้ย“ยงยุทธ”สอบติดตั้งกล้องซีซีทีวีปลอม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิด(ซีซีทีวี)ของ กทม. ที่พบว่ามีการติดตั้งกล่องเปล่าไม่มีกล้องอยู่ภายใน ว่า
ต้องไปถามนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแล กทม. เมื่อถามว่าในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เคยขอดูภาพจากกล้องซีซีทีวีของกทม. จะกระทบต่อรูปคดีที่ผ่านมาหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่กล้าวิจารณ์สำนวนสอบสวน เพราะถือเป็นความลับทางราชการ จะไปขอดูไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกกล่าวหาว่าไปแทรกแซง จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)เป็นคนรับผิดชอบสำนวนคดี แต่ถ้านายสนธิร้องเรียนมา ตนก็จะดูให้.