“ฮอนด้า ซีวิค เครื่องอีแต๋น” สู้กับ “เฟอร์รารีี่ติดเครื่องคูโบต้า”
เปรียบ ได้เห็นภาพเลยก็แล้วกัน ตามรายงานผลการวิจัยที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงทุนจ้างบริษัทเอกชนทำการศึกษาถึงสาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ผูกปีพ่ายแพ้ ให้พรรคเพื่อไทย โดยเปรียบเทียบทั้งตัวผู้นำพรรค ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
1. เชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ 2. บริหารงานไม่เป็น 3. ไม่ติดดิน ไม่ใกล้ชิดประชาชน
ผล วิจัยเชิงวิชาการที่มาจากพื้นฐานข้อมูลทางสถิติ ไม่ได้นึกเองเออเอง ได้ข้อสรุปออกมาแบบนี้ ก็อยู่ที่จะทำใจยอมรับความจริงกันได้หรือไม่
ที่แน่ๆ ตามปรากฏการณ์ ณ วันนี้ พลพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังยึดติดอยู่กับสไตล์เดิมๆ
วน อยู่กับมุกเก่าๆ ย่ำอยู่กับที่ ประเภทถึงคิวประชุมสภาที ก็ยั่ว “ตีกิน” กันที ตามฟอร์ม ก็อย่างที่นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายเป็นเชิงแสดงความห่วงใยรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่
1. อย่าปล่อยให้ใครรังแก “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 2. อย่านิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 3. ให้นายกฯยิ่งลักษณ์พูดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ให้กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการใช้ความรุนแรงกับฝ่ายที่เห็นตรงข้ามทางการเมือง
เรื่องเดิมๆที่พูดกันซ้ำแล้วซ้ำอีก
แล้ว ก็ได้เรื่องสมความตั้งใจ เมื่อนายจตุพรลุกขึ้นสวนทันควัน แฉกลับคนของพรรคประชาธิปัตย์จ้างนักศึกษาโข่งมาป่วนสถานการณ์ “การสร้างความเท็จและใช้วิธีสกปรกนั้นไม่ใช่พวกผม ไปดูพวกท่านสิ ที่มายิงกบาลพวกผม อย่างนี้ไปใส่ผ้าถุงดีกว่า”
เหน็บมา เจอด่ากลับ ตั้งหน้าตั้งตาเถียงกันควันออกหู ไม่มีใครยอมใคร
เป็น ภาพชินตา ค้างคาต่อเนื่องมาจากคิวแถลงนโยบายรัฐบาล ที่คนพรรคประชาธิปัตย์งัด “ลูกยั่ว” ด้วยการเขี่ย “ปมด้อย” ของพรรคเพื่อไทย เหน็บกันเรื่องความจงรักภักดี ขณะที่นายณัฐวุฒิและนายจตุพรลุกขึ้นสวนหมัด ฟัดกันจนสภาล่ม
ในอารมณ์เข้าทางเกมเขี้ยวของพลพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้สอนมวยพรรคเพื่อไทย
เอา เป็นว่า ฉากซ้ำๆบทเดิมๆมันบ่งบอกทิศทางการดำเนินไปของสภา ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน คงไม่มีอะไรสร้างสรรค์มากไปกว่าการชวนทะเลาะ ตีรวน ดิสเครดิต
ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ให้คนดูตื่นตาตื่นใจ
ที่ สำคัญก็คือ “พฤติกรรมพอกัน” ตามรูปการณ์มันจึงไม่ขัดความรู้สึกของสังคมส่วนใหญ่ที่พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายกฯยิ่งลักษณ์ ได้มอบหน้าที่ให้ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็น “ตัวชน” รับหน้าที่ในการปะทะคารม ด้วยเกมสภากับเซียนยี่ห้อประชาธิปัตย์
จำกัดวงแค่สงครามน้ำลายในสภา ไม่ได้มีน้ำหนักต่อเชิงบริหาร
ก็ อย่างที่รู้สึกได้ เหมือนอยู่ในภาวะ “ไร้น้ำหนัก” กับยุทธศาสตร์จิกตีรายวันที่คนพรรคประชาธิปัตย์เดินหน้ากัดติดรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” พาลไปกระทบชิ่งพี่ชายคืออดีตนายกฯทักษิณ
ด่ากันจนชินหูชาวบ้าน บางทีก็น่ารำคาญด้วยซ้ำ
ตาม อาการชิว ชิว ไม่ต้องออกแรงมากมาย นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ยังออกแรงแค่เขียนข้อความผ่านสื่อเฟซบุ๊ก “Yingluck Shinawatra” อ้อนขอโอกาสกันรายวัน ล่าสุดก็ยืนยัน “การทำงานของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ปูเน้นการทำงานเป็นทีม ต้องมีข้อมูล support ตอบโจทย์นโยบาย ที่สำคัญ พี่น้องประชาชนและประเทศชาติต้องได้ประโยชน์ ส่วนการคัดเลือกบุคคลเข้ามารับตำแหน่งต่างๆ ภาพรวม ปูไม่ต้องการให้เกิดการแบ่งแยก แต่ต้องการให้ทุกคนได้มีโอกาสทำงานค่ะ”
ไม่ต้องเร่งเครื่องให้เหนื่อยก่อนเวลา
เพราะเทียบกันตามฟอร์ม วัดกันโดยยี่ห้อ มาตรฐาน และราคา
“เฟอร์รารี่เครื่องคูโบต้า” ก็ยังแรงกว่า “ซีวิค เครื่องอีแต๋น”.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ