ได้ข้อยุติแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังการเจรจากันระหว่าง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ซึ่งดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความราบรื่น
พล.ต.อ.วิเชียรยอมลุกจากเก้าอี้ผู้นำตำรวจไปนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งถือว่าทั้งเหมาะสมทั้งสมศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าถามว่าพล.ต.อ.วิเชียรมีความผิดหรือเปล่า ก็ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่มี
ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามุ่งมั่นทำงาน และมีความประนีประนอมสูง
แต่การตัดสินใจตอบรับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นเพราะพล.ต.อ.วิเชียรเข้าใจดีถึงการเปลี่ยนผ่านอำนาจ
ไม่ต้องการเห็นองค์กรตำรวจเกิดความขัดแย้ง ไม่ต้องวุ่นวายเหมือนในอดีต
หากจำกันได้ในยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติระส่ำระสายที่สุด
ไม่มี "ผบ.ตร.ตัวจริง" ปล่อยคาราคาซังอยู่เกือบปี
ต้องใช้ผู้รักษาราชการแทนผบ.ตร. 2-3 คน
จากปัญหาการสั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แบบไม่เป็นธรรม
ฉะนั้น จึงสมควรยกย่องในการตัดสินใจของพล.ต.อ.วิเชียร เพราะเป็นจุดเริ่มต้นอีกมุมหนึ่งของความปรองดอง
จากนี้ต่อไปสายตาตำรวจกว่า 2 แสนนายจะโฟกัสไปที่ผบ.ตร.คนใหม่
ชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ปรากฏขึ้นมาทันที เพราะมีผลงานโดดเด่นด้านการปราบยาเสพติด
ที่สำคัญเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด จ่อขึ้นเป็นผบ.ตร.มาหลายครั้ง
แต่ต้องโดนมรสุมการเมือง ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯช่วงหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จึงถือได้ว่าเป็นตัวเต็งที่ครบทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ
นอกจากนี้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ยังเป็นที่ยอมรับจากตำรวจด้วย
ดูได้จากผลการสำรวจของเอแบคโพลที่สำรวจความคิดเห็นตำรวจระดับรองผกก.-ผกก.ทั่วประเทศ
ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 62.7 เห็นด้วยที่พล.ต.อ. เพรียวพันธ์จะดำรงตำแหน่งผบ.ตร.คนใหม่
มีถึงร้อยละ 47.9 เห็นว่าเหมาะสมตามระบบคุณธรรม
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการปรองดอง
ไม่ใช่ย้ายแบบ "เมามันอำนาจและขาดฝีมือ" เหมือนยุคก่อนๆ