“ปึ้ง” ชี้รัฐบาล “มาร์ค”ยกเลิกเอ็มโอไม่แจ้งกัมพูชา เชื่อปิดบังซ่อนเร้น บี้ “มาร์ค-เทือก”ชี้แจง
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาลับระหว่างรัฐบาลสมเด็จฮุนเซนกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯว่า เหตุใดในวันที่ 15 พ.ย.53 นายอภิสิทธิ์ได้แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการร่วมกรอบเจรจาเอ็มโอยู จึงเกิดข้อสงสัยว่าหลังจากที่มีการยกเลิกเอ็มโอยู เป็นเวลา 1 ปี 15 วัน กลับแต่งตั้งนายสุเทพ เป็นประธานการเจรจา เท่ากับว่าเอ็มโอยู 44 ไม่ได้ยกเลิกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ควรทำหลังการประกาศยกเลิกเอ็มโอยู ปี 44 ต้องแจ้งไปยังรัฐบาลกัมพูชา แต่กลับไม่ทำ และมีการระบุชัดเจนให้เห็นว่านายสุเทพพูดคุยทางลับกับทางกัมพูชา 2-3 ครั้ง ทำให้กัมพูชาเกิดความคลางแคลงใจ ทางกัมพูชาจึงต้องเปิดเผยข้อมูลนี้
“นายอภิสิทธิ์ได้พยายามกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด รวมถึงการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาระบุคำว่า“รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้เอาใจกัมพูชา” แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าอดีตรัฐบาลนายอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ หรือกำลังปิดบังความจริงมาโดยตลอดว่าเอ็มโอยูนี้ยังไม่ถูกยกเลิก”รมว.ต่างประเทศกล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในแถลงการณ์ของสำนักงานปิโตรเลียมฯระบุว่า
มีการเจรจาทางลับ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในวันที่ 27 มิ.ย. 2552 ที่เมืองแคนเดล ประเทศกัมพูชา และเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2552 ที่ฮ่องกง ขณะที่วันที่ 10 พ.ย.2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศยกเลิกเอ็มโอยู ปี 2544 จากนั้นวันที่ 16 ก.ค.2553 ได้มีการเจรจาในทางลับอีกครั้งในเมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และในวันที่ 25 พ.ค.2553 มีมติ ครม. แต่งตั้งนายสุเทพอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าช่วงเวลานั้นค่อมกันอยู่ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ต้องตอบสังคมว่าได้ดำเนินการเจรจาอะไรไป แล้วทำไมจึงต้องไปหารือกับทางลับของกัมพูช
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีการหารือในทางลับ เพื่อไม่ให้มีข้อกังขาหรือครหาตามที่หลายฝ่ายห่วงกังวลในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน และการอยู่ร่วมกันของ 2 ประเทศ