นิตยสารไทม์ฉบับวันที่ 25 สิงหาคม ลงพิมพ์บทความของนายแอนดรู มาร์แชล เกี่ยวกับการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ว่าเป็นการขโมยซีนอีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งคำถามถึงสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นอาชญากรหนีคดีหรือเป็นบุคคลระดับวีไอพีกันแน่ ซึ่งเป็นคำถามที่สร้างความยุ่งยากซับซ้อนให้กับทางการญี่ปุ่นเมื่อได้รับคำร้องขอจาก พ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางเยือนญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ทั้งที่เป็นบุคคลที่ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 2 ปีในข้อหาคอร์รัปชั่น เนื่องจากขณะนี้ไทยมีรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว
แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะยืนยันเมื่อไปถึงญี่ปุ่นว่าน้องสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเดินทางไปญี่ปุ่นของเขา แต่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้วีซ่าจากความช่วยเหลือของญาติห่างๆ คือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ก็ทำให้คนไทยจำนวนมากอดประหลาดใจไม่ได้เกี่ยวกับการให้ความสำคัญและการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะไทยกำลังเผชิญปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ มากมาย ไม่ว่าน้ำท่วมหรือเงินเฟ้อสูง แต่เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับวีซ่าเข้าญี่ปุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกมองว่าเลือกสร้างผลงานชิ้นแรกด้วยการกอบกู้ชื่อเสียงให้กับพี่ชาย
การเลือกช่วงเวลาเดินทางเยือนญี่ปุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการเยือนระหว่างที่รัฐบาลกำลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับขโมยความสนใจไปยังญี่ปุ่น และยังทำให้คนมองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปรองดองมากไปกว่าการให้ความช่วยเหลือพี่ชายของตนเอง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณควรจะหยุดเข้ามายุ่งวุ่นวาย หลีกเลี่ยงการเมือง และปล่อยให้น้องสาวได้ทำงาน
ขณะที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกนายสุรพงษ์ซึ่งไร้ประสบการณ์มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเปล่งรัศมีในฐานะรัฐบุรุษผู้โดดเด่นและมีชื่อเสียง แต่ปัญหาก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังเป็นภัยคุกคามรัศมีของน้องสาวของเขาด้วยเช่นกัน เพราะพยายามจะพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับความยอมรับในประชาคมระหว่างประเทศ และตราบที่เขายังต้องลี้ภัยการเมืองอยู่นอกประเทศภายใต้สถานะบุคคลระดับวีไอพีเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องอาศัยประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุด