ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทางการญี่ปุ่นอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้ว่า เรื่องนี้คงต้องมีการดำเนินการว่าใครเป็นผู้เข้าไปดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยมีหน้าที่ในการที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ฝ่ายค้านจะตรวจสอบต่อไปว่าเป็นใคร อย่างไร ส่วนที่ผ่านมาทางการญี่ปุ่นมีระเบียบว่า ห้ามผู้ที่ต้องโทษเข้าประเทศนั้น ต้องดูจากคำชี้แจงของญี่ปุ่น เพราะทางเจ้าหน้าที่ทางการของไทยเองเป็นผู้เข้าไปร้องขอ คงจะต้องตรวจสอบ
"การที่ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ แสดงให้เห็นว่ามีการไปดำเนินการในส่วนของทางการไทยอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะมีหน้าที่ปกป้องระบบกฎหมาย เมื่อศาลไทยวินิจฉัยตัดสิน ไม่ว่าใครจะพอใจหรือไม่ก็ตาม คนที่เป็นฝ่ายบริหารมีหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลัก"นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร
เพราะเป็นเจ้ากระทรวงที่ไปของเข้าพบทูตญี่ปุ่น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคดูอยู่ว่าจะดำเนินการได้อย่างไร โดยต้องดูในข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
"ผมเห็นว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าหน้าที่ และแทนที่จะเดินหน้าในการทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้คนหลบหนีคดี ก็มีความผิด ส่วนตามระเบียบหรือการตัดสินใจของญี่ปุ่น ไม่ทราบว่ามีหลักเกณฑ์กติกาและวิธีปฏิบัติอย่างไร ในส่วนของฝ่ายเรา เป็นสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน"นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันมาตลอดว่า เรื่องช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีในนโยบาย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากจะเตือนรัฐบาลว่า ความคาดหวังของประชาชนคือการมาเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งความจริงไม่จำเป็นต้องมีการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ซับซ้อนมากนัก เช่น เรื่องน้ำท่วม หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ในการกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้า สิ่งเหล่านี้เป็นความคาดหวังของประชาชน แต่ข่าวที่ได้ยินกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้ญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นไปยังประเทศอื่นหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงจะต้องปรามไม่ให้ทำอย่างนี้อีก
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึง การประสานงานตำรวจสากลในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ว่า มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง 2 ส่วน คือ 1.คดีที่ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวกับคดีที่ดินรัชดาฯ มีการขอไป แต่ทางต่างประเทศเห็นว่าความผิดทางกฎหมายไม่สามารถเทียบเคียงต่างประเทศได้ เพราะเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ขัดกันทางตำรวจสากล จึงไม่ออกหมายจับ ส่วนกรณีคดีการก่อการร้ายทางดีเอสไอ ส่งเรื่องให้ตำรวจและอัยการ ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ ทางตำรวจและอัยการยังทำไม่เสร็จ ตำรวจประสานไปทางอัยการเห็นว่ามีปัญหาในเรื่องการแปลข้อความ เข้าใจว่าเป็นความกังวลที่เกิดจากกรณีแรก ว่าทำอย่างไรให้ความผิดต่างๆ สามารถเทียบเคียงได้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปติดตามและเร่งรัดต่อ
เมื่อถามว่า ถือเป็นความมสะเพร่าของรัฐบาลประชาธิปัตย์หรือไม่ ที่ไม่ติดตามเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องยอบรับว่าไม่ได้ทราบชัดเจน ว่าขั้นตอนดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วหรือไม่ เพราะเมื่อดีเอสไอส่งไป เข้าใจว่าตำรวจและอัยการว่าไปตามกระบวนการ