ผ่านมา 3 เดือนกับการปฏิวัติของคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. นำโดย พลเอกสนธิ บุญยกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จนส่งไม้ต่อให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ ด้วยเหตุผลของการปฏิวัติรัฐประหารที่เน้นการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องทำการสะสางเร่งด่วน
แต่ 3 เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ากลไกการตรวจสอบทุจริตมีความล่าช้า และการตรวจสอบทุจริตที่เกิดขึ้นยังไม่ครอบคลุมการทุจริตที่เกิดขึ้นใน 5 ปี ของการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะการประมูลแบบวิธีพิเศษ หรือการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ที่ยังไม่มีการพูดถึง!
การประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ นี้มีวงเงินเข้าไปหมุนเวียนอยู่ในนั้นจำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกกะโปรเจกของรัฐบาล ที่สำคัญคือ การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนี้ เนื่องจากต้องการความคล่องตัวเป็นหลัก รวมทั้งจากข้ออ้างว่าโครงการเหล่านี้ถ้าไม่รีบดำเนินการจะมีความเสียหาย โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ ส่วนหนึ่งรัฐบาลจะใช้วิธีให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของโครงการ เพราะหากรัฐบาลเป็นเจ้าของโครงการและต้องของบประมาณนั้นจะต้องทำตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งยุ่งยากกว่ากันมาก
โครงการที่ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนี้ จึงมีปรากฏในหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีระบุอยู่ในแผนงบประมาณประจำปี บางโครงการก็ไม่ใช้วิธีการประมูล แต่ใช้การต่อรองเป็นหลัก ที่น่าเกลียดก็คือบางโครงการถึงกับ มี TOR ตามหลังก็มี