'เพื่อไทย' เอาแน่ ลุยทำประชามติถามประชาชน ทั้งก่อนและหลังแก้ รธน. พร้อมตั้ง สสร. 3 ยกร่างฯ เล็ง รีเทรินผุด 'ทูตซีโอโอ' เซลล์แมนการค้าระหว่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ประชุมคณะทำงานด้านนโยบายสร้างความปรองดอง และนโยบายด้านการต่างประเทศ โดยในการหารือเรื่องแนวนโยบายสร้างความปรองดอง ได้มีการหารือกันถึงแนวทางที่จะคืนความเป็นธรรม ให้กับทุกกลุ่มและทุกฝ่าย ทั้งกลุ่ม นปช. และกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า หากจะทำจริง ควรจะเป็นการผ่าทั้งระบบ เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย โดยแนวทางคือ จะถามประชามติจากประชาชน ทั้งก่อนแก้และหลังแก้
"จะถามประชาชนก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากประชาชนเห็นด้วย เราก็ดำเนินการได้ทันที ซึ่งอาจจะเป็นการตั้ง สสร. ขึ้นมาดำเนินการ และเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ก็จะต้องถามประชามติจากประชาชนอีกครั้งว่า เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย"
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามประชาชนก่อนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่ควรแก้ เราก็จะไม่ทำ
เล็งนำ "ทูตซีอีโอ" กลับมา ทำหน้าที่ "เซลส์แมน" ดูการค้าระหว่างประเทศ
สำหรับการหารือในเรื่องของนโยบายด้านการต่างประเทศ ที่ประชุม เห็นว่า จะต้องเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชาให้ดีเหมือนเดิม แต่ยังคงต้องรักษาอธิปไตยของไทยเอาไว้
นอกจากนี้ จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ ทั้งประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่มอียู เพื่อแสวงหาความร่วมมือร่วมกันทั้งในเรื่องการค้าและเรื่องอื่นๆ
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเสนอให้นำระบบทูตซีอีโอกลับมาใช้อีกด้วย โดยจะให้สถานทูตที่ประจำอยู่ในแต่ละประเทศ เป็นเหมือนทัพหน้า สำหรับการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และด้านความมั่นคง เพื่อไม่ให้ใครใช้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนในอดีตอีก
ด้านนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การนำระบบทูตซีอีโอกลับมาใช้อีกครั้ง ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และเคยมีการทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
ทั้งนี้ ในหลักการของการนำระบบทูตซีอีโอกลับมาใช้ เพราะต้องการให้ทูตไทยในประเทศต่าง ๆ ทำงานในเชิงรุก ทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และการสร้างโอกาสในการร่วมมือกันระหว่างประเทศในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น
"เหมือนกับคำพูดที่ว่า ทูตของประเทศไทย ที่ไปทำหน้าที่ในประเทศต่าง ๆ นั้น ต้องทำตัวเป็นเหมือนเซลล์แมน ต้องดูแลเรื่องการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นพิเศษด้วย รวมทั้งต้องดึงนักลงทุนชาวต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้นด้วย" นายคณวัฒน์ กล่าว