ศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้อง “พล.ต.จำลอง” ที่ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง 20 ก.ค. - ศาลไม่รับคำร้อง “พล.ต.จำลอง” ยื่นฟ้องให้การเลือกตั้ง 3 ก.ค. เป็นโมฆะ ขณะที่เจ้าตัวเตรียมเดินหน้าฟ้องศาลอาญาสัปดาห์หน้า

เมื่อเวลา 16.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้นัดฟังคำสั่งในคดีดำเลขที่ ลต. 14/54 ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ยื่นฟ้อง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กกต. ทั้งคณะรวม 5 คน เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และให้มีคำสั่งจัดการเลือกตั้งใหม่

จากคำร้องของ พล.ต.จำลอง สรุปว่า ผู้ร้องและภริยาได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ กกต.ประจำหน่วยแจ้งว่า
 
ไม่มีชื่อผู้ร้องและภริยาปรากฏที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว เนื่องจากผู้ร้องและภริยาไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่ได้ขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง  ซึ่งการที่ผู้ถูกร้องทั้ง 5 ร่วมกันวินิจฉัยมาตรา 97 และ 101 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง และไม่ได้ขอลงทะเบียนเปลี่ยนแปลงต้องใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งตามที่เคยขอลงทะเบียนไว้ เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ปิดประกาศคำสั่งไม่รับคำร้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา โดยให้เหตุผลว่า คำร้องของผู้ร้องไม่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งคำร้องของผู้ร้องเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรอง ให้ผู้ร้องใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ส่วนตัวน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล

แต่หลังศาลไม่รับคำร้อง ก็เตรียมให้ฝ่ายกฎหมายยื่นฟ้องศาลอาญาสัปดาห์หน้า พร้อมยืนยันไม่ได้ต้องการหาเรื่องใคร แต่ทำตามหน้าที่ หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีเหตุผลครบถ้วนทุกประการ  จึงมั่นใจในการเดินหน้าฟ้องร้องต่อไปว่าจะไม่สูญเปล่า

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า

เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไม่รับคำร้อง จึงจะฟ้องศาลอาญาเหมือนที่เคยกระทำเมื่อการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยจะยื่นฟ้องเป็นรายกรณีเพื่อเอาผิด กกต. ต่อไป โดยใช้เนื้อหาเอกสารเดิม และร้องข้อหาเดิม คือ การเสียสิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 2 ล้านคน แต่อาจเพิ่มข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และหลายกรณีเช่นการสัญญาว่าจะให้  รวมไปถึงกรณีที่ กกต.เดินหน้ารับรอง ส.ส. ทั้งที่ยังมีการร้องเรียนทุจริต.- สำนักข่าวไทย
 


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์