[ไทยรัฐคอลัมน์] ติดทั้งหล่ม ติดทั้งบ่วง


ยิ่งลักษณ์ถอนหายใจโล่งอีกเฮือกใหญ่ ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงมติรับรองสมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย เปิดทางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

ใกล้เข้าไปแค่เอื้อม ลุ้นอีกแค่อึดใจ

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่า มันมีผลผูกโยงอย่างปฏิเสธไม่ได้ การเมืองกระเทือนถึงเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่ปากท้องชาวบ้าน ตามกระแสโพลต้องการให้ กกต.เร่งพิจารณารับรอง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เพื่อให้ฟอร์มรัฐบาลรีบเข้ามากู้สถานการณ์ข้าวยากหมากแพง

แต่มันยังกระทบไปถึงตลาดหุ้น ตามข้อมูลจากมืออาชีพ นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า ปัจจัยทางการเมืองในประเทศมีผลโดยตรง คือ การรับรองผลจาก กกต. ต่อการเป็น ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงการรับรอง ส.ส.เกินร้อยละ 95 ตามเงื่อนไขเปิดประชุมรัฐสภา

จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย

เอาเป็นว่า หลายฝ่ายสัมผัสได้ถึงความ “อึดอัด” กับ 7 วัน ในสถานการณ์ “แช่แข็ง”

ภายหลัง กกต.มีมติแขวนชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการพิจารณารอบแรกวันที่ 12 กรกฎาคม ทำให้ปฏิทินที่ล็อกไว้ต้อง “ดีเลย์” ออกไป ทั้งกระบวนการเลือกประธานสภาฯ คิวโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องถึงการฟอร์ม ครม. ต้องมีอัน “หยุดนิ่งอยู่กับที่”

ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทยอย่าง “ยิ่งลักษณ์” ทำได้แค่ซุ่มโป่งอยู่ในบ้านแต่

ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งกว่าก็คือ “เจ๊สด” นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ถึงกับโอดครวญ 5 เสือ กกต.ตกเป็น “จำเลยสังคม” หากรับรอง ส.ส.ไม่ครบตามกำหนด 30 วัน เปิดสภาไม่ได้ ก็จะถูกมองว่าทำงานช้า แต่หากรับรองไปก่อน ก็จะถูกมองว่าทำงานไม่ละเอียดอีกเช่นกัน

“ติดหล่ม” กฎหมายเลือกตั้ง แถมยังติด “บ่วงอารมณ์”

ตามภาพข่าวมุมหนึ่ง เครือข่ายคนเสื้อแดง นปช.ก็บุกถึงศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ ปักหลักประท้วง กกต.ที่ยังไม่รับรองสมาชิกภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตรงข้ามกับอีกมุมหนึ่ง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ก็นำกลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (ส.ป.ท.) ประกาศเจตนารมณ์คัดค้านไม่ให้ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ที่เหลือ รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จี้ให้แจกใบเหลือง ใบแดง มิฉะนั้นจะโดนยื่นถอดถอน

สองม็อบเผชิญหน้าส่งเสียงด่าทอกันเป็นระยะ จนต้องมีการนำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ามา เพื่อเตรียมระงับเหตุและป้องกันการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย

ทั้งปมกฎหมาย ทั้งแง่อารมณ์ พาลให้เกิดภาวะชะงักงัน

ขณะเดียวกัน ในแง่ความจำเป็นในเชิงบริหาร ในห้วงสุญญากาศผลัดเปลี่ยนอำนาจ ตามสถานภาพรัฐบาลรักษาการ ที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ทำอะไรไม่ได้เต็มไม้เต็มมือ

ขาดความเชื่อถือ ไร้ความเชื่อมั่น โดยเฉพาะจากนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต.ประกาศรับรอง “ยิ่งลักษณ์” มีสถานภาพเป็น ส.ส.จ่อเข้าใกล้เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามกระบวนการก็ต้องเดินต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ

ตามจังหวะ “โยนหิน” ออกมาจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เดินกระแสความคืบหน้าในการฟอร์ม ครม. “ยิ่งลักษณ์ 1” ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ใกล้ชิดบางส่วนถึงหน้าตา ครม.ที่จะออกมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน เพื่อลดกระแสการต่อต้านพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์

จึงตัดสินใจที่จะดึงคนนอกเข้ามาร่วมใน ครม. 4-5 คน โดยเฉพาะในกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญๆ อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน รวมไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงที่ต้องแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั้งในและต่างประเทศ อย่างกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

ซึ่งอยู่ในระหว่างการทาบทาม “มืออาชีพ” ที่ตรงสเปก

และก่อนอื่นเลย ว่ากันตามปรากฏการณ์ ภายหลังศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้ไทยและกัมพูชา ถอนทหารออกจากพื้นที่รอบปราสาท-พระวิหาร ถือเป็นปมท้าทายรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาจัดการบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขยายวงเป็นปัญหาระดับโลก

มันจึงเป็นอะไรที่ต้องเน้นเป็น “พิเศษ” จริงๆกับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ

อย่างน้อยก็น่าจะทำได้ดีกว่าคนเก่าที่ชื่อ “กษิต ภิรมย์”.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
images by free.in.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์