เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ก.ค. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีดำ อ.2542/2533
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานกลุ่ม นปช. กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วม รวม 19 คน เป็นจำเลย นความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จากกรณีระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- 20 พ.ค. 2553 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อต้านรัฐบาลและบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ยุบสภา
อัยการโจทก์แถลงต่อศาลขอนำพยานเข้าสืบ 369 ปาก แต่ศาลเห็นว่า พยานบางปากซ้ำซ้อนกันจึงให้อัยการไปจัดกลุ่มพยานและตัดให้เหลือ 120-150 ปาก
ใช้เวลาสืบพยาน 60 นัด ขณะที่ทนายจำเลย แถลงต่อศาลว่า จำเลยบางส่วนได้รับเลือกเป็น ส.ส.หาก มีสมัยประชุมสภา จะไม่สามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้สืบพยานโจทก์ก่อน ในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภา โดยนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกวันที่ 1 มิ.ย.2555 เวลา 09.00 น. และนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายอีกครั้งก่อนสืบพยานโจทก์ วันที่ 23 เม.ย. 2555 เวลา 09.00 น.
ทนายจำเลยแถลงต่อศาล ขอรวมคดีก่อการร้ายจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.เข้ารวมในสำนวนคดีนี้ด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้รวมคดีก่อการร้ายทั้งหมดเป็นคดีเดียวกัน รวมแล้วจะมีจำเลยคดีก่อการร้ายทั้งหมดรวม 23 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าและกิจการย่านราชประสงค์ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้จำนวนหนึ่งด้วย โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วม
วันนี้ ศาลได้เบิกตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำนปช. จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาร่วมพิจารณาด้วยโดยมีบรรดาคนเสื้อแดงกว่าร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจ