ก่อนการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ มือกฎหมายใหญ่ อดีตประธานวุฒิสภา หลีกเลี่ยงที่จะให้ความเห็นเรื่อง "โหวต โน" ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหว รณรงค์ ทั่วประเทศ โดยนายมีชัย อ้างว่า เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่จะชี้แจงว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนนตามมาตรา 88 มาตรา 89 มีความหมายอย่างไร
จากการแถลงของ กกต. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปรากฏว่า การลงคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน(โหวต โน) เพียง 958,052 บัตร เท่านั้น คิดเป็น 2.72 % และในการลงคะแนนเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,419,088 บัตร หรือคิดเป็น 4.03 %
ล่าสุด ในเว๊บไซต์ www.meechaithailand.com มีผู้ถามนายมีชัยเรื่อง มาตรา 89 โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ดังนี้
" ในที่สุดผลการเลือกตั้งก็ออกมาแล้วนะครับอาจารย์
คำถามนี้อาจจะไม่มีผลประโยชน์ต่อส่วนรวมอีกต่อไปแล้ว
แต่ถือว่าเป็นการให้ความรู้ผมแล้วกัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องค้างคาใจอะไรต่อไป
ผมขอสมมติเหตุการณ์
มีคนอยู่7คน แล้วมีคนในกลุ่มชักชวนให้ไปเที่ยวโดยมีสถานที่ให้เลือก 3ที่
ขั้นต้นทั้งกลุ่มมา vote ว่าจะไปหรือไม่ไป
ปรากฎว่าเลือกไป4คนไม่ไป3คนทั้งกลุ่มจึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยว
ต่อมากลุ่มที่เลือกจะไป4คนมาลงความเห็นว่าจะไปที่ไหนดีใน3ที่
ผลปรากฎว่าเสียงแยกเป็นสามส่วน คือภูเก็ต2คะแนน สมุย1คะแนน พัทยา1คะแนน
นั่นคือทั้งกลุ่มต้องไปเที่ยวภูเก็ตที่ได้2คะแนน
แต่ภายหลังกลุ่มคนที่ออกเสียงว่าไม่ไปที่มี3คนบอกว่าเสียงไม่ไปมากกว่าเสียงภูเก็ตที่ได้2คะแนน
แล้วสรุปเอาว่าทั้งกลุ่มจะต้องนอนอยู่บ้าน
มาตรา89 กล่าวไว้แบบนี้หรือครับ??
แบบนี้มันเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยหรือครับ??
นายมีชัย ตอบว่า สมมติฐานของคุณผิดในขั้นที่ 2 กล่าวในขั้นแรกเมื่อลงคะแนนว่าจะไปเที่ยวหรือไม่ 4 เสียงว่าควรไป อีก 3 เสียงว่าไม่ควรไป การไปเที่ยวจึงเป็นเสียงข้างมาก ตกลงทุกคนก็ควรต้องไปเที่ยว เมื่อจะตกลงกันว่าจะไปเที่ยวไหน คนทั้ง 7 ก็ต้องมาลงคะแนนกันใหม่ (รวมทั้ง 3 คนที่เคยลงคะแนนว่าไม่ไปเที่ยวด้วย เพราะตามหลักประชาธิปไตยนั้น คนเสียงข้างน้อยต้องยอมรับผลของเสียงข้างมาก)
แต่ถ้าในการลงคะแนนครั้งที่ 2 ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน คนที่ลงคะแนน ไปภูเก็ต มี 2 เสียง คนที่ลงคะแนนไปสมุยกับพัทยา มีแห่งละ 1 เสียง ส่วนอีก 3 เสียงไม่ลงคะแนน ก็ต้องถือว่าคนทั้ง 3 คนนั้นไม่ติดใจ เท่ากับว่ายอมปล่อยให้ชะตาชีวิตขึ้นอยู่กับคน 4 คน เมื่อเสียง 2 เสียงให้ไปภูเก็ต เป็นเสียงข้างมาก คนที่ลงคะแนนไปสมุยกับพัทยา ก็ต้องยอมไปภูเก็ต ส่วนอีก 3 คนที่ไม่ลงคะแนนนั้น เมื่อยอมรับชะตาที่เพื่อนจะลงคะแนนกันแล้ว ก็ต้องไปตามเขา เพราะถือว่าเสียงข้างมากเขาตกลงเช่นนั้นแล้ว
สำหรับคำถามนั้น ถ้ามาตรา 89 ที่คุณว่ามาหมายถึง ม. 89 ของกฎหมายเลือกตั้ง ก็เป็นคนละเรื่องกับที่คุณว่ามา เพราะ ม. 89 เพียงแต่บอกว่าในการเลือกตั้งนั้น ใครได้คะแนนสูงสุดคนนั้นได้รับเลือก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้จับสลาก คนที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดอาจจะไม่ใช่คนที่ได้คะแนนเสียงข้างมากของผู้มาลงคะแนนก็ได้
เช่น มีผู้สมัคร 5 คน มีคนมาลงคะแนน 60 คน คนที่ 1 ได้ 20 คะแนน คนที่ 2 ถึงที่ 5 ได้คนละ 10 คะแนน คนที่ 1 จะได้รับเลือก ทั้ง ๆ ที่ คนอีก 40 คนซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ไม่ได้เลือกคนที่ 1 เลย แต่เมื่อกฎเกณฑ์ว่าไว้อย่างนี้ก็ต้องเป็นไปตามนี้
บางประเทศเขาถึงมีกฎเกณฑ์พิเศษว่า ถ้าในรอบแรกไม่มีใครได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ ก็จะต้องเลือกใหม่อีกรอบหนึ่ง โดยให้คนที่ได้คะแนนที่ 1 กับที่ 2 มารับเลือกใหม่ เฉพาะ 2 คน
มีชัย ฤชุพันธุ์
4 กรกฎาคม 2554