สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานบทวิเคราะห์ข่าว ชื่อเรื่องว่า"กองทัพไทยเลือกข้างขณะที่การเลือกตั้งที่สร้างความแตกแยกใกล้เข้ามา"
ระบุว่า หลังจากกองทัพไทยได้ขจัดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเหตุการณ์ปฎิวัติเลือดเมื่อเดือนก.ย.2549 มีความเป็นไปได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัวเก็งในการเลือกตั้งครั้งนี้มีเหตุผลที่จะต้องกลัวว่า กองทัพจะเล่นงานเธอ โดยขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังมีคะแนนนิยมนำ ที่จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.โดยกองทัพได้ปัดท่าทีวางตัวเป็นกลางแล้ว และตั้งใจจะล้มอำนาจเธอ แต่ยังไม่รู้ว่าจะนานเพียงใดเท่านั้น
รอยเตอร์สระบุว่า หาก"ยิ่งลักษณ์"มีชัยเหนือนาย"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"การรัฐประหารก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งของกองทัพ แม้ว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะจะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเรือนหมื่นออกมาชุมนมบนท้องถนนซ้ำรอยกับเหตุการณ์ปฎิวัติครั้งที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่และนักการทูตชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจต้องทำข้อตกลงกับกองทัพเพื่อให้พรรคเพื่อไทยของเธอได้เป็นรัฐบาล และป้องกันการจลาจลบนท้องถนนครั้งใหม่ โดยในช่วงใกล้ห้วงเลือกตั้ง รอยเตอร์สระบุว่า กองทัพได้พยายามทำลายความได้เปรียบของเธอและล้มแผนนิรโทษกรรมที่จะเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับประเทศ
รายงานระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งของของการปฎิวัติโค่นล้มอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ
ได้ออกแถลงการณ์ด้วยใบหน้าตึงเครียด ทางสถานีโทรทัศน์ 2 ช่อง ได้เน้นว่ากองทัพจะไม่แทรกแซงการเลือกตั้ง โดยสารของเขาก็มีผลกระทบด้านตรงข้าม ด้วยการกล่าวคำพูดว่า หากเรายอมให้ผลการเลือกตั้งเป็นเหมือนที่ผ่านมา เราจะไม่ได้อะไรใหม่และก็จะไม่ได้เห็นอะไรดีขึ้น
รอยเตอร์สอ้างคำกล่าวของรศ. ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ จากภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ ว่า ภาพลักษณ์ของทั่วไปของกองทัพไม่ได้ส่งเสริมประชาธิปไตยของเมืองไทย และการออกมาแสดงทัศนะในช่วงใกล้เลือกตั้งเช่นนี้อาจมีผลลบ