หม่อมอุ๋ย ปฏิเสธลั่น! ไม่เคยแทรกแซงแบงก์ชาติวันตลาดหุ้นพัง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2549 15:02 น.

หม่อมอุ๋ย ดิ้นพล่าน! โดนบทวิจัยต่างชาติ แฉ นโยบายแบงก์ชาติถูกครอบงำจากนักการเมือง ปฏิเสธลั่น ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของ ธปท.ระบุ วันที่ตลาดหุ้นตกหนัก ผู้ว่าการ ธปท.ไปเชียงใหม่ จึงได้เรียกประชุมแทน อ้างการตัดสินใจทำไปเพื่อชาติ หลังสอบถามความเห็นทุกฝ่ายแล้ว ชี้การที่นโยบายกลับไปกลับมา ยอมเสียหน้าเพื่อรักษาภาคการส่งออก ส่วนการที่หุ้นร่วงกว่า 100 จุด ถือว่าเราไม่ได้เสียค่าโง่ เพราะยังรักษาดัชนีตลาดหุ้นไว้ได้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ถูกมองว่ามีการแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ไม่ได้มีการแทรกแซง แต่วันนั้นในช่วงที่ประชุม ครม.ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ขณะที่นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.ก็ติดภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตนได้หารือกับ นางธาริษา ตลอดเวลา

คือ ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ซึ่งตนเองได้ถาม นางธาริษา ว่า ควรจะดำเนินการอย่างไร และได้เสนอทางออกแก่ ธปท.

ค่อนข้างชัดว่ามีคำสั่งขายเพิ่มเติมอีกเยอะ และโบรกเกอร์มาบอกว่า อย่าให้ไปอีกเลย ถ้าไม่ทำก็ยุ่งเลย พอผมเห็นว่าราคาหุ้นตกเยอะก็รีบทำ ดีกว่าหยิ่งผยองบอกว่าไม่เป็นไร ยึดไว้เดี๋ยวก็เลยกันอีก ทำอะไรให้ประเทศชาติได้ดี ตัวเองเสียหน้าไม่เป็นไรหรอก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว และเสริมว่า

ไม่มีปัญหาที่จะต้องยอมเสียหน้า ทบทวนมาตรการของ ธปท.ที่สั่งให้มีการดำรงสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้นให้ยกเว้นเงินทุนที่นำเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากทราบว่ามีคำสั่งขายของนักลงทุนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมากที่รอขายในวันรุ่งขึ้นหลังจากตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะการเทขายของนักลงทุนไทยที่เกิดจากความตื่นตระหนก

แต่ยังมีการกันไม่ให้ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้อยู่ ซึ่งนางธาริษาได้ถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์จะไม่ไหลเข้าไปที่ตลาดตราสารหนี้ และในที่สุดบรรดาโบรกเกอร์และคัสโตเดียน รับปากว่าจะดูแลการไหลเข้าของเงินทุน โดยจะสร้างระบบการรายงานผล เมื่อทุกฝ่ายมีข้อสรุปตรงกัน จึงได้ดำเนินการ ซึ่ง ธปท.ได้ขอให้ตนประกาศชี้แจงด้วย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร บอกอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการดูแลเงินทุนระยะสั้น ด้วยการยกเว้นเงินนำเข้าจากประเทศ เพื่อลงทุนในตลาดหุ้น 30% เป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่าง ตน กับ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซง แต่เหตุที่ต้องสินใจเช่นนี้ เพื่อเป็นการรักษาภาคการส่งออกที่มีถึง 60% ของจีดีพี และห่วงว่าค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าทะลุ 34-33 บาท เพราะจะให้เกิดวิกฤติภาคส่งออก และมีผลต่อเนื่องถึง การจ้างงานด้วย

และถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และไม่ใช่การเสียค่าโง่ เพราะสามารถรักษาดัชนีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไว้ได้ รวมถึงสามารถรักษาระดับของค่าเงินบาทในระดับที่เหมาะสมไว้ได้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์แก่ประเทศ อีกทั้งเป็นการป้องกันปัญหาดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหา ไม่ให้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ

ถ้าไม่ทำ Export เสียไป ใครจะรับผิดชอบ เศรษฐกิจมีทั้งได้และเสีย ถ้าผมไม่ทำ ไม่ไปกลับในตลาดหลักทรัพย์ ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบแทน ผมก็ไปกลับให้มันอยู่ได้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า

ผลกระทบที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ มาจากการครอบงำของนักลงทุนต่างชาติ ที่มีอยู่ถึง 30% ซึ่งเมื่อมีมาตรการใดๆ ขึ้นมา นักลงทุนเหล่านี้ จะอ่อนไหวมากที่สุด