คณบดีว้ากโรงเรียนแพทย์ใกล้เจ๊ง งบ 30 บ.ไม่พอใช้ตบเท้าบี้สธ.แก้

คณบดีว้ากโรงเรียนแพทย์ใกล้เจ๊ง งบ 30 บ.ไม่พอใช้ตบเท้าบี้สธ.แก้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2549 21:37 น.

คณบดีแพทย์ศาสตร์ตบเท้าหารือ หมอมงคล ว้ากโรงเรียนแพทย์ใกล้เจ๊ง เหตุแบกรับค่าใช้จ่ายโครงการหลักประกันสุขภาพถั่วหน้าของสปสช.ไม่ไหว เคราะห์ซ้ำสำนักงบฯ อนุมัติงบเงินหายไปวับกว่า 3,798 ล้าน คาดเข้าใจผิดสปสช.ไม่ต้องจ่ายให้รพ.เอกชน ตัดยอดจากผู้มีสิทธิ 48 ล้านคน เหลือ 46 ล้านคน ขณะที่รมว.สธ.สั่งจัดประชุมเวิร์กชอปโรงพยาบาลแพทย์ทุกสังกัดถกหาทางออกเสนอรัฐบาลมกราคมนี้

รพ. แบกรับไม่ไหว 30บาท สร้างหนี้บาน

นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้(15 ธ.ค.)คณะบดีมหาวิทยาลัยแพทย์หลายแห่ง ทั้งคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ฯลฯ เดินทางมาขอเข้าพบหารือเกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งแจ้งว่าขณะนี้ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทำให้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบเป็นหนี้จำนวนมาก

เขารวมตัวกันมาในลักษณะที่มาบอกว่าไม่ไหวแล้วในการเป็นสมาชิกของสปสช. เพราะมีเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการที่สปสช.ประกันจะให้ค่าบริการการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การที่สปสช.ต้องให้ค่ารักษาพยาบาลจาก 1,300 บาท เมื่อถึงเวลาก็ให้เพียง 800 บาท ซึ่งเขามีเงินเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เพิ่งเป็นปีนี้ แต่เป็นมา 2-3 ปีแล้ว ทำให้โรงเรียนแพทย์ ทุกโรงเรียนเจ๊งหมด ที่ผ่านมาอยู่ได้ก็เพราะกินบุญเก่า จึงเป็นกังวลว่าจะส่งผลให้นักเรียนแพทย์ไม่สามารถเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพ เสียหายไปทั้งระบบทั้งประเทศนพ.มงคลกล่าว

นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ในเดือนมกราคมนี้จะมีการจัดประชุมปฏิบัติการ

โดยมีดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ตัวแทนโรงพยาบาลทุกแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ร่วมทั้งมหาวิทยาลัยแพทย์ทุกแห่งจะร่วมประชุม เพื่อช่วยกันหาทางออกแก้ปัญหาว่า เมื่อมีเงินงบประมาณเท่านี้ จะหาเงินจากส่วนใดมาชดเชย เพราะแม้แต่โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขเองก็ยังประสบปัญหาเดียวกัน โดยยังขาดเงินงบประมาณอยู่กว่า 1,500 ล้าน ในขณะที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยต่างๆ ขาดเงินอยู่ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะออกมาเป็นข้อสรุปให้แล้วเสร็จภายในมกราคมนี้จากนั้นจึงนำข้อมูลเสนอคณะรัฐมนตรี อนุมัติเป็นนโยบาย

นพ.มงคล กล่าวด้วยว่า สำหรับช่องทางการหาเงินเพิ่มมีหลายช่องทางแต่จะไม่ใช่วิธีการขอเงินจากรัฐบาลเพิ่ม เพราะขอไปก็ไม่เคยได้จริง ดังนั้นเบื้องต้นน่าจะเป็นระบบการร่วมจ่าย แต่ยังไม่มีการสรุปว่าเป็นวิธีใดวิธีหนึ่ง โดยดร.อัมมาร ยังไม่สรุปผลออกมา โดยใช้แนวการร่วมจ่าย ที่คนจนไม่ต้องจ่าย ส่วนเส้นแบ่งระหว่างคนจนและรวยกำลังหาวิธีที่ชัดเจน

ชี้ พึ่งงบประมาณอย่างเดียวไม่ได้

นพ.มงคล กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบค่าใช้จ่ายรายหัวในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ได้รับ 1899.69 ต่อหัวต่อคนนั้น ปรากฏว่าสำนักงบประมาณตัดยอดผู้รับบริการแทนที่จะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั้งหมด 48 ล้านคน เหลือ 46 ล้านคน ยอดเงินรวมลดลงประมาณ 3,798 ล้านบาท เนื่องจากให้เหตุผลว่า ประชาชนจำนวน 2 ล้านคน ใช้บริการสถานบริการเอกชน จึงไม่นับรวมในค่าใช้จ่ายของสปสช. แต่ที่แท้จริงแล้วสปสช.จะต้องตามจ่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนในส่วนนี้ด้วย

น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของสำนักงบประมาณ ซึ่งคิดว่าไม่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาลเอกชน แต่ที่ไม่เพิ่มมาให้ทันที่เป็นเพราะเงินของรัฐบาลเองก็หมด ซึ่งเป็นเรื่องที่หวาดเสียวมาก เพราะมีปัญหาในลักษณะนี้มาโดยตลอด ดังนั้นหวังพึ่งงบประมาณอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องตั้งต้นคิดกันใหม่ โดยต้องหาเงินส่วนอื่นมาเพิ่ม อย่างไรก็ดีในส่วนที่เงินหายไปอย่างไรรัฐบาลก็ต้องหาเงินมาโป๊ะให้ครบตามจำนวน

ด้านนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร คณบดีคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า

คณบดีจากกลุ่มสถาบันแพทย์ศาสตร์แห่งประเทศไทย อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ เดินทางเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยนพ.มงคลได้นัดให้หารือเชิงปฏิบัติการระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องเช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) คณบดีจากลุ่มสถาบันแพทย์ฯ ฯลฯ หารือกันในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ปี2550

ชี้ปัญหาสั่งสมมานาน

การเข้าพบในครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก ก็สืบเนื่องจากปัญหาในโครงการหลักประกันฯที่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องที่รัฐบาลชุดนี้จัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ แต่เป็นปัญหาที่สะสมมาตั้งนานแล้ว ท่านรัฐมนตรีสธ.ก็ดีมากได้นัดให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบทั้งหมดของโครงการนพ.ปิยะสกล กล่าว

ส่วนกรณีที่สำนักงบประมาณคำนวณงบประมาณรายหัวของโครงการดังกล่าว หายไป 2 ล้านคน ทำให้งบประมาณในโครงการหายไปนั้น นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ไม่ได้มีการลงลึกในรายละเอียดในประเด็นดังกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์