มิ่งขวัญนำทีมแฉสวาปาล์ม

ศึกซักฟอกวันแรก ปชป.-แม้วทวีตโต้

ศึกซักฟอกวันแรก "ผีกระสือ-หมาบ้า-โจร" ว่อนสภาตามเคย "มิ่ง" นำทัพฝ่ายค้านรุมกะซวกยุคข้าวยากหมากแพง แฉขบวนการ “สวาปาล์ม” ปล้นคนไทย ขึงพืด “มาร์ค-เทือก-เจ๊วา” พร้อมแนะยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ขณะที่ “แม้ว” มาแล้ว ร่วมด้วยช่วยถล่ม “มาร์ค” ผ่านทวิตเตอร์ เย้ย “น้องยังเด็กเหลือเกิน” ส่วน “อ๋อย” ประสานเสียงซัดมั่วตัวเลขหนี้สาธารณะ ด้าน “มาร์ค” หยัน “มิ่ง” ไม่ได้พารวย แจงตลาดโลกดันราคาข้าว แถมฟุ้งขายน้ำมันปาล์มถูกกว่า 50 สตางค์ ท้า “เพื่อแม้ว” กล้าหาเสียงลอยตัวแอลพีจี-เลิกตรึงดีเซล ส่วน “เทือก” ปัดเอี่ยวสวาปาล์ม ด้าน “ปชป.” ระดมทวีตโต้ตอบพัลวัน  ฟาก “เจ๊วา” อ้างน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ขณะที่ “ก.พ.ค.” ยัน “มท.” หมดทางพลิ้ว ต้องคืนเก้าอี้ “วงศ์ศักดิ์” สถานเดียว 


สภาเปิดเวที“ซักฟอก”วันแรก

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ 9 รัฐมนตรี ประกอบด้วย 1. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ 2. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง 3. นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์  4. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี 5. นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย 7. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม 8. นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ 9. นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ 

ก่อนหน้านั้น ส.ส.ฝ่ายค้าน 122 คน ได้ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการถอดถอนนายกฯ และ 8 รัฐมนตรี ยกเว้นนายกษิต ออกจากตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ 


“มิ่ง”ร่ายตัวเลขถล่มของแพง

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดอภิปรายว่า การบริหารงานของนายกฯ ล้มเหลว ก่อให้เกิดทุจริตมากมาย เกิดความเสียหายแก่คนไทยและประเทศ อีกทั้งก่อให้เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพงสูงสุดในประวัติศาสตร์ ค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะเมื่อน้ำมันปาล์มขาดแคลนและขึ้นราคาเป็นสาเหตุทำให้สินค้าอื่นขึ้นราคาอย่างน่าสะพรึงกลัว โดยมีนายกฯ เป็นประธานกองทุนน้ำมัน และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ดูแลเรื่องน้ำมันปาล์ม แทนที่จะเป็นนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ

หัวหน้าทีมอภิปรายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก ปี 2553 ส่งออก 2.24 แสนตัน และใช้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงทำไบโอดีเซล เหตุใดรัฐบาลตัดสินใจนำเข้าผ่านพ่อค้าคนกลางจากประเทศสิงคโปร์ และเมื่อนำเข้า 2 ครั้ง ครั้งละ 3 หมื่นตัน ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขยับจาก 38 บาท เป็น 47 บาท มีน้ำมันปาล์มหายไปจากระบบ 16 ล้านขวด ประชาชนถูกปล้นทันที เพราะต้องซื้อราคาแพงขึ้น 30% 


กลืนน้ำลายงดเก็บค่าต๋งน้ำมัน

นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า สถานะเงินกองทุนน้ำมันเหลือเพียง 4,800 ล้านบาท แค่สิ้นเดือน มี.ค. นี้ก็หมดแล้ว ความหายนะกำลังมาเยือน เพราะจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้น ราคาก๊าซหุงต้มแอลพีจีจะขึ้นแบบก้าวกระโดดหากรัฐบาลไม่ไปกู้เงินมาโปะ ขณะที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะไม่ได้รับการชำระหนี้จากกองทุนน้ำมัน ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยสัญญาประชาคมว่าจะระงับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันภายใน 99 วันหลังได้เป็นรัฐบาลและนายกฯ แต่ทำไม่ได้ และยังเดินหน้าเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดเพดานภาษีสรรพสามิตเก็บจากน้ำมันดีเซลเพิ่ม 4 บาทเป็น 10 บาท และน้ำมันเบนซินจาก 5 บาทเป็น 10 บาท หากตนเป็นนายกฯ รับรองราคาน้ำมันลิตรละไม่ถึง 15 บาทแน่นอน นอกจากนี้ในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกถูกลง รัฐบาลน่าจะถือโอกาสลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มให้เป็นไปตามกลไกตลาด 


ท้าแจงภาษีไม่ได้ต้อง“ลาออก”

ส.ส.สัดส่วนผู้นี้ กล่าวต่อว่า สมัยตนเป็น รมว.พาณิชย์ ได้เปิดรับจำนำราคาข้าวเปลือกเจ้า 14,000 บาทต่อเกวียน สมัยนายอภิสิทธิ์รับประกันราคาข้าว 10,000-11,000 บาทต่อเกวียน ขายได้จริงเกวียนละ 6,000-7,500 บาทเท่านั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่ามีการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง และมีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นความอัปยศในการค้าข้าว อยากถามว่าใครได้ประโยชน์ นอกจากนี้โครงสร้างราคาสินค้าเกษตร อาทิ ลำใย ไข่ ราคาตกต่ำทั้งหมด 

ส่วนกรณีนายกฯ แทรกแซงกระบวน  การยุติธรรมกรณีสั่งไม่ฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) จำกัด ในข้อหาสำแดงต้นทุนบุหรี่จากต่างประเทศอันเป็นเท็จ ทำให้รัฐเสียประโยชน์เป็นเงิน 6.8 หมื่นล้านบาทนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้อภิปรายเรื่องนี้ หากนายกฯ ตอบไม่ได้ต้องลาออกกลางสภา นอกจากนี้จะมีการอภิปรายการทุจริตในหลายๆเรื่อง ทั้ง การทุจริต รถเมล์เอ็นจีวี  หวยกาชาด  โครงการโทรศัพท์ 3 จี โครงการรถไฟฟ้า รวมถึงกรณีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพสั่งสลายม็อบคนเสื้อแดง เป็นการฆ่าประชาชน 


เย้ยหมดเวลาจ้อ-ยุบสภาได้แล้ว

“ขอยืนยันว่า นายกฯ กู้หนี้และสร้างหนี้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์จากนายกฯ 27 คน อย่ามาว่าผมซุกซนกับตัวเลข ตอบไม่ได้อย่ามาแถ เพราะเอาข้อมูลมาจากหน่วยงานราชการ 5 หน่วย การอภิปรายครั้งนี้ขอให้ประชาชนเปิดใจกว้างรับฟังข้อมูลทั้งสองฝ่าย อย่าปิดบังอย่าเซ็นเซอร์ข้อมูล ผู้นำที่ดีที่สุดต้องกล้ายอมรับความเป็นจริง ท่านเป็นนักการเมืองมีวาทกรรมยอดเยี่ยม วันนี้หมดเวลาก่อหนี้ หมดเวลาอยู่ต่อไป ถ้าฟังการอภิปรายต่อเนื่องตลอด 3 วัน จะทำให้คนทั้งประเทศตาสว่าง ไม่ว่าจะอยู่ถึงต้นเดือน พ.ค. หรือไม่ จะฝันดีหรือฝันร้าย ขอให้กลับไปนอนคิด ยังมีเวลาอีก 3 วัน แม้จิตแข็ง จิตอ่อนก็อยากให้ตัดสินใจ” หัวหน้าทีมอภิปรายของพรรคเพื่อไทย ระบุ

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ข้อมูลที่ยกมามีการตกแต่งตัดต่อ ไม่นำข้อมูลข้อเท็จจริงทุกอย่างมาพูดให้ครบถ้วน การโจมตีรัฐบาลนี้ก่อหนี้และกู้เงิน ไม่รู้วิธีหาเงิน ทำไมไม่เอาตัวเลขการส่งออก และการท่องเที่ยวช่วงปี 2553 ที่เป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์มาแสดง


“มาร์ค”สวนกลับ“มิ่ง”โชคช่วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาล พ.ต.ท.  ทักษิณ ชินวัตร มีหนี้สาธารณะเทียบกับจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 42.75 ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 41.94 ซึ่งฐานะมั่นคงกว่าท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก วันนี้สถาบันจัดอันดับเครดิตที่สากลให้การยอมรับได้ปรับอันดับประเทศไทยดีขึ้น 

นายกฯ กล่าวด้วยว่า นายมิ่งขวัญท้าว่าถ้าตนตอบปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีบุหรี่ต่างประเทศไม่ได้ต้องลาออก เดี๋ยวตนจะตอบในช่วงต่อไป ถ้าชี้แจงได้ไม่ขอให้นายมิ่งขวัญลาออก แต่ให้อยู่เพื่อแข่งกับตนต่อไป แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใด ๆ การสั่งเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องขององค์การการค้าโลก ไม่ใช่เรื่องในประเทศ ส่วนเรื่องข้าวตนมีรายงานข้อมูลยืนยันว่าในยุคทองขณะนั้นเกิดจากภาวะตลาดโลก และการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ทำให้เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหาร ดังนั้นทุกคนต้องวิ่งมาซื้อ ไม่ใช่ฝีมือของนายมิ่งขวัญ พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันที่จะประกาศนโยบายประกันรายได้ พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศว่าไม่เอาหรือไม่ แล้วให้ประชาชนตัดสิน


ชี้น้ำมันปาล์มถูกกว่า50สตางค์ 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า กองทุนน้ำมันติดลบเกือบ 9 หมื่นล้านบาทเกิดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต้องมาใช้หนี้จนตัวเลขกลับมาเป็นบวก หลักการบริหารของตนไม่ต้องการให้กองทุนน้ำมันติดลบ ช่วงไหนน้ำมันดิบราคาแพงก็ยอมชดเชย แต่เมื่อราคาถูกลงต้องจัดเก็บเข้ากอง ทุน และที่ตรึงราคาดีเซลก็เป็นการช่วยคนจนและภาคการเกษตร มั่นใจว่าจะตรึงได้จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. แน่ และยืนยันว่าจะไม่ขึ้นราคาก๊าซหุงต้มด้วย 

ส่วนปัญหาราคาน้ำมันปาล์มนั้น นายกฯ กล่าวว่า ที่บอกว่ารัฐบาลขึ้นราคาจาก 38 บาทเป็น 47 บาท เหมือนปล้นประชาชน แต่ตนมีตัวเลขสมัยนายมิ่งขวัญเป็น รมว.พาณิชย์ ชาวสวนปาล์มได้ราคา 5.90 บาท น้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 35.98 บาท ตนเป็นนายกฯ ชาวสวนปาล์มได้ 8.73 บาท น้ำมันปาล์มดิบขึ้นไป 51.48 บาท แต่สมัยตนให้ขายน้ำมันปาล์มขวดละ 47 บาท แต่สมัยนั้นขายขวดละ 47.50 บาท ใครกันแน่ที่ปล้น ใครกันที่บริหารไม่เป็น 


ปูดฮั้วมิสเตอร์“พีเค”สวาปาล์ม

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย อภิปรายปัญหาการทุจริตน้ำมันปาล์มว่าคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติบริหารผิดพลาด เพราะมีสัญญาณเตือนตั้งแต่เดือน ก.ย. 2553 แล้วว่ามีผลผลิตเหลือในสต๊อก 2 แสนตัน และลดลงจนหมดสต๊อกในเดือน ธ.ค. 2553 เป็นข้อน่าสงสัยว่าในเมื่อคณะกรรมการฯ รับทราบตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. ว่าสต๊อกน้ำมันเป็นศูนย์ แต่กลับปล่อยเวลาถึง 20 วันถึงสั่งให้กระทรวงพาณิชย์อนุมัตินำเข้า 3 หมื่นตัน

ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านตรวจสอบพบผู้ประกอบการรายหนึ่งชื่อ มิสเตอร์พีเค พบว่ามี 2 สต๊อก รวม 1.65 แสนตัน สามารถนำมาผลิตใส่ขวดบรรเทาปัญหาประชาชนได้ แต่กลับปล่อยสต๊อกออกมาในช่วงที่น้ำมันหมด เชื่อว่านายสุเทพรู้จักกันแน่ เพราะเป็นนักธุรกิจทำกำไรเป็นพันล้านและยังมีโรงงานผลิตไบโอดีเซลด้วย นอกจากนี้การที่รัฐบาลตั้งราคาไบโอดีเซลสูงถึง 70 บาทต่อลิตร ทำให้กลุ่มผู้ผลิตไบโอดีเซลแย่งซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ เพราะไบโอดีเซลที่ผลิตได้ รัฐบาลจะให้เงินอุดหนุนชดเชยส่วนต่างให้  ผลคือทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบถูกปั่นแพง ซึ่งกลุ่มสุราษฎร์ธานีและอันดามันที่ใกล้ชิดของประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มฯ รู้ดี 


ซัดน้ำมันล่องหน10ล้านขวด

“นายกฯ ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะวันที่ 26 ธ.ค. พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ก็ส่งสัญญาณจะขึ้นราคา พ่อค้ารู้จึงเก็บหมดเพื่อให้ราคาสูงขึ้น สะท้อนว่านายกฯ ทำให้เกิดการกักตุน ความขาดแคลนยิ่งมากขึ้น เมื่อมีการนำเข้า ราคาขายสูงถึง 47 บาท มีส่วนต่างกับของเดิม 9 บาท ตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบการทำกำไรเป็นพันล้าน” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ

ส.ส.รายนี้ กล่าวต่อว่า การนำเข้าผลผลิตน้ำมันปาล์ม 3 หมื่นตันในวันที่  6 ม.ค. ที่ผ่านมา ยังนำมาสู่การทุจริตที่มีใบเสร็จ เนื่องจากเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบแยกไขเรียบร้อยแล้วและมีการหยดกรด 1% เพื่อทำให้กินไม่ได้ แล้วไปผ่านกระบวนการเอากรดออก  สมาคมผู้ปลูกปาล์มบอกว่าสต๊อกที่นำเข้าจะผลิตได้ 33 ล้านขวด แต่กรมการค้าภายในบอกว่าผลิตได้ 22 ล้านขวด จึงสงสัยว่าส่วนต่าง 10 ล้านขวดหายไปไหน อีกทั้งการชดเชยราคาผลิตที่โรงกลั่น 9.50 บาทต่อลิตร จุดนี้กำลังร่วมมือกับโรงกลั่นหรือไม่ ทำไมรัฐบาลไม่ไปชดเชยให้เกษตรกรแทน


“เทือก”ลั่นไม่เคยหาประโยชน์

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมามีความผิดพลาดในการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่โดยเจตนาหรือจงใจทุจริต มีความผิดพลาดในเรื่องคำนวณผลผลิตปาล์ม เมื่อรู้ว่าสต๊อกในประเทศวิกฤติ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เสนอให้นำเข้าปาล์มดิบถึง 3 หมื่นตัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาผู้บริโภคน้ำมัน ซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติน้ำมันแบบแยกไข ซึ่งไม่ใช่เป็นครั้งแรก เพราะสมัยนายมิ่งขวัญเป็น รมว.พาณิชย์ ได้นำเข้าในสเปกเดียวกันนี้ ปัญหา   การทุจริตยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอนขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้ หากมีเงินแม้แต่บาทเดียวที่เข้ากระเป๋าจะเลิกเล่นการเมืองทันที

“เป็นนักการเมือง 30 ปี มีคนรู้จักมาก มายเช่นเดียวกับผู้ผลิตปาล์มในภาคใต้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยหาผลประโยชน์จากคนเหล่านี้ และมีการอ้างชื่อพีเคว่าเป็นผู้ซื้อน้ำมันปาล์มกว่า 1.5 แสนตันมากักตุนก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ และขอยืนยันไม่เคยทำโรงกลั่นไบโอดีเซล และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำโรงสกัดน้ำมันปาล์ม” รองนายกฯ ระบุ


“เจ๊วา”อ้างน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

นายสุเทพ กล่าวถึงการกำหนดราคาไว้ที่ 47 บาทต่อขวดว่า มาจากการหาข้อตกลงร่วมกันครึ่งทางระหว่าง เกษตรกร โรงกลั่น และผู้จัดจำหน่าย โดยรัฐบาลชดเชยให้ 9.50 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าไม่ชดเชยให้จะทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถอยู่ได้ ขณะที่ประเด็นเรื่องราคาน้ำมันปาล์มขวดของไทยที่แพงกว่าต่างประเทศนั้น เนื่องจากมาเลเซียและอินโดนีเซียมีเปอร์เซ็นต์ของน้ำมันในเมล็ดปาล์มมากกว่าของไทย 

ขณะที่ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ชี้แจงว่า การขึ้นราคาของน้ำมันปาล์มจากราคา 38 บาท เป็น 47 บาท เพราะได้คำนึงถึงความสมดุลและความเป็นธรรมของเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการ แม้ราคานี้ผู้บริโภคอาจต้องแบกรับบ้าง แต่ผู้ประกอบการก็ต้องอยู่ได้ วันที่นำเข้าน้ำมันปาล์ม กรมการค้าภายในคำนวณราคา 36.51 บาท จากราคา 47 บาท แต่กว่าจะสั่งได้ราคาไปอยู่ที่ 39.57 บาท ทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนทันที 3 บาท ซึ่ง   เป็นความล่าช้าทางกระบวนการ แต่ยืนยันไม่มีการทุจริต เป็นเรื่องน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ขวดจุกสีฟ้าเอกชนเป็นผู้จ่ายเอง กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องขอบคุณที่ช่วยเหลือกัน 


รังสีดวงอาทิตย์รวนช่อง 11  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายตลอดทั้งวัน ส.ส.ฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นประท้วงรัฐบาลหลายครั้ง โดยอ้างว่าได้รับแจ้งจากประชาชนในหลายพื้นที่ว่าไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ได้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเจตนาจงใจของรัฐบาลที่ต้องการปิดกั้นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ในช่วงเดือน มี.ค. ระหว่างวันที่ 9-19 มี.ค. จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า “ซันเอาท์เทจ” ซึ่งเป็นคลื่นรังสีของดวงอาทิตย์ส่งผลให้การส่งสัญญาณระหว่างดาวเทียมกับ สถานีภาคพื้นเกิดการขัดข้องทำให้ผู้รับชมโทรทัศน์ไม่ได้ชั่วขณะ


วอร์รูม“ปชป.”ทวีตโต้อุตลุด

ที่รัฐสภา นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลประเมินการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรกว่า  ประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ตื่นเต้นและไม่มีใบเสร็จอย่างที่ประกาศไว้ แต่เป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว สำหรับนายมิ่งขวัญซึ่งเป็นตัวละครเอกของการอภิปราย ได้ประเมินเรต “จ. หาร 2” คือ “ความจริงครึ่งเดียว ควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง”

ขณะเดียวกัน ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้เขียนข้อความสั้น ๆ ใน เว็บไซต์ทวิตเตอร์ดอทคอม ผ่านล็อกอิน @democratTH สรุปประเด็นการตอบข้ออภิปรายของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ ได้นำข้อความที่เป็นวาทะสำคัญที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพตอบในการอภิปรายมาทวีตข้อความต่อ หรือฟอลโลว์ เช่น คำพูดของนายกฯ ที่ระบุว่า “ผมยอมเสียคะแนนจากคนมีฐานะ ที่ใช้เบนซินแพงหน่อย เพราะผมต้องการช่วยคนจนครับ” เป็นต้น


“แม้ว-อ๋อย”ถล่มมั่วตัวเลขหนี้

อีกด้านหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า ฟังนายอภิสิทธิ์ตอบแล้วรู้สึกว่า “น้องยังเด็กเหลือเกิน” นักการเมืองที่ดีต้องพูดความจริงต่อประชาชน ข้อเท็จจริงจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะวันที่ 31 ธ.ค. 2549 มีหนี้สาธารณะ 40.48% “สมัยผมรับหนี้มาจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ 2 ก้อนใหญ่ ๆ คือ 1.หนี้กองทุนฟื้นฟูที่เกิดจากการขายทรัพย์ที่เอามาจากสถาบันการเงินล้มแบบโง่ ๆ และ 2.หนี้ที่กู้มาจากมิยาซาว่า เอดีบี เวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟ ซึ่งหนี้ไอเอ็มเอฟ ประมาณ 4 แสนล้านบาท สมัยผมก็ใช้หนี้ไปหมดแล้ว”

นายจาตุรนต์ ฉายแสง  อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ทวีตข้อความตอบโต้นายอภิสิทธิ์ในประเด็นเอาตัวเลขหนี้สาธารณะมาตัดตอนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้นายจาตุรนต์ ในฐานะทีมวอร์รูมพรรคเพื่อไทย ยังประเมินว่า ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายในวันแรกทำหน้าที่ได้ตามแผนที่วางไว้ และยังไม่จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์แต่อย่างใด 


“ผีกระสือ-หมาบ้า-โจร”ว่อน

ต่อมาในช่วงเย็น นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำสวนกระแสตลาดโลกที่ราคาสูง เพราะการบริหารในกระทรวงพาณิชย์มีการทุจริต และเอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง มีผู้มีอำนาจจาก จ.สุโขทัย และ จ.บุรีรัมย์ ที่อยู่นอกสภาอยู่เบื้องหลัง เป็นพวกสัมภเวสี เป็นผู้จรจัดทางการเมือง เป็นผีกระสืออยู่ที่ไหนก็รุมทึ้งที่นั่น 

การอภิปรายของนายสุนัยได้ถูก ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ พร้อมทั้งขอให้นายสุนัยถอนคำพูดที่ว่า พรรคภูมิใจไทยชอบแอบอ้างปกป้องสถาบัน แต่นายสุนัยไม่สนใจและอภิปรายต่อว่า มีคนบอกว่าพรรคการเมืองหนึ่งโกงมากที่สุด ทำให้นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงด้วยน้ำเสียงดุดันว่า ใส่ร้ายป้ายสี นายสุนัยควรชื่อ “สุ...” มากกว่า ทำให้นายสุนัย สวนกลับทันทีว่า ไม่อยากสนใจ ส.ส.หมาบ้า คนจิตไม่ปกติ พร้อมทิ้งท้ายการอภิปรายด้วยว่า “จะพายเรือให้โจรนั่งหรือจะมาปล้นกับโจร”.


“เกียรติ”ฟ้อง“พท.”ภาษีบุหรี่ 

ขณะเดียวกัน นายเกียรติ สิทธีอมร  ประธานผู้แทนการค้าไทย  แถลงว่า ได้ยื่นฟ้องนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ต่อศาลอาญา ที่ให้ข่าวพาดพิงกรณีการสำแดงภาษีบุหรี่ของบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) ศาลได้ประทับรับฟ้อง และนัดไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกวันที่ 25 มิ.ย. นี้ และอาจพิจารณาฟ้องร้องคดีแพ่งต่อไป หากมีการอภิปรายพาดพิงให้ตนซึ่งไม่ใช่ ส.ส. เสียหาย ก็จะใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรม และจะชี้แจงนอกสภาแทน

“การประชุมร่วมกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ไม่เคยไปประชุมที่อื่น จะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลแห่งเดียว มีการบันทึกเทประหว่างการประชุมและมีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ร่วมด้วยทุกครั้ง การที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อต้องการแก้ปัญหาในฐานะสมาชิกขององค์การการค้าโลก ผมและรัฐบาลไม่เคยไปชี้นำว่าควรจะสำแดงราคาเท่าใด เพราะไม่มีอำนาจ เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดจากรัฐบาลนี้แต่โยงถึงรัฐบาลที่ผ่านมา” ประธานผู้แทนการค้าไทย ระบุ 


“ปชป.”ปัดเลี้ยงต้อย“ชทพ.-ภท.”

ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่น ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยว่า  การต่อรองทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา มีสิทธิที่จะต่อรองกันได้ “อยู่ที่คนต่อและคนรองจะพูดกันอย่างไร จากที่เราได้ทำงานร่วมกันมา 2 ปี ถือว่ารู้จิตรู้ใจ รู้มือรู้ไม้กันพอสมควร แต่ทั้งหมดรอดูให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อนดีกว่า” 

ต่อข้อถามว่า กลัวเรื่องการพลิกขั้วหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่กลัว เป็นนักการเมืองอาชีพมากว่า 30 ปี ไม่มีอะไรต้องน่าหวาดกลัว เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องจีบพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า “คงไม่ต้องเลี้ยงต้อยไว้นานขนาดนั้น”


จี้ มท. ห้ามพลิ้วเก้าอี้“วงศ์ศักดิ์”

อีกเรื่องหนึ่ง นางจรวยพร ธรณินทร์ โฆษกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงมหาดไทยไม่ยอมรับคำวินิจฉัย ก.พ.ค. ที่ให้กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งนายวงศ์ศักดิ์  สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กลับไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองว่า คำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ถือเป็นที่สุด ต้องปฏิบัติตาม กระทรวงมหาดไทยต้องทำเรื่องกลับไปที่ ครม. เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายมงคล สุระสัจจะ แล้วแต่งตั้งนายวงศ์ศักดิ์กลับไปเป็นอธิบดีกรมการปกครองใหม่  

ส่วนกรณีที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยจะฟ้องศาลปกครองนั้น โฆษก ก.พ.ค. กล่าวว่า กฎ ก.พ.ค. ข้อ 57 กำหนดว่าผู้มีอำนาจฟ้องศาลปกครอง คือ ผู้เสียหายหรือผู้ร้องทุกข์เท่านั้น คู่กรณีไม่มีอำนาจในการฟ้อง หากปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่ทำตาม นายวงศ์ศักดิ์สามารถยื่นฟ้องศาลปกครองหรือส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. เอาผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้นายมงคลถือว่าไม่มีสถานะเป็นอธิบดีกรมการปกครอง จึงไม่ควรไปลงนามใด ๆ ทั้งสิ้น 


อ้างมีขั้นตอน“ยกเลิก-เยียวยา”

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับเรื่องจาก ก.พ.ค. แต่โดยหลักแล้วทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามมติของ ก.พ.ค. อย่างไรก็ตามมีกรอบเวลากำหนดไว้ ช่วงแรกมีประเด็นที่ต้องหารือว่าจะยกเลิกและเยียวยาอย่างไร เพราะการยกเลิกคำสั่งต่าง ๆ ต้องกระทบคนจำนวนหนึ่งด้วย

ขณะที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ยืนยันว่าจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม แต่เรื่องการโยกย้ายไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรี เป็นอำนาจของปลัดกระทรวง เมื่อถามว่า นายวงศ์ศักดิ์ เกรงว่าจะถูกเตะถ่วงจนเกษียณอายุราชการ นายชวรัตน์ ตอบเพียงว่า เป็นเรื่องข้าราชการประจำจะพิจารณา

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ช่วงโยกย้ายมีทั้งคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจ ผู้ที่ถูกโยกย้ายมีสิทธิร้องศาลปกครองและร้อง ก.พ.ค. ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็ดีกรณีของนายวงศ์ศักดิ์ เชื่อว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า


“หญิงหน่อย”ฮึ่มฟ้อง “ป.ป.ช.”

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว.สาธารณสุข เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและขอให้ทบทวนมติคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีชี้มูลความผิดโครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาลปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2547  โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนในกรณีดังกล่าวในหลายกรณี

“เป้าหมายสูงสุดที่มายื่นหนังสือเพื่อให้ยุติการไต่สวนได้แล้ว แต่ถ้ายังเคลือบแคลงสงสัยดิฉันและผู้ถูกกล่าวหา 17-18 คน ก็ต้องเปลี่ยนคณะอนุกรรมการไต่สวนทั้งหมด และเริ่มสอบใหม่ เอาคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการนี้มาเป็นคนสอบ  ดิฉันติดคุกไม่สำคัญ แต่กลัวราชการจะเสียค่าโง่ 1,300 ล้านบาท วันที่ 17 มี.ค. นี้หากที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็จะให้ทนายความพิจารณาว่าสามารถดำเนินการใด ๆ ต่อไปได้หรือไม่” อดีต รมว.สาธารณสุข ระบุ


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์