“มาร์ค” รับช่วยลูกพรรคหาเสียงอาจขลุกขลัก ขู่ใครมาขวางทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยผิด กม.
วันนี้ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบข้อซักถามที่ว่าหลังการประกาศความชัดเจนในการยุบสภาจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นหรือไม่ว่า ไม่ควรจะมี ควรจะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองด้วยซ้ำ ทุกฝ่ายก็จะได้เข้าใจว่าเรากำลังเดินเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าโล่งหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าตนโล่ง ตนคิดว่าขณะนี้ประชาชนต้องการความชัดเจน เพราะว่า สถานการณ์บ้านเมืองนำไปสู่โอกาสที่ประชาชนควรจะได้ชี้ว่า การแก้ไขปัญหาต่อไปจะเป็นอย่างไร น่าจะเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาอย่างไร มากกว่าที่ปล่อยให้เกิดสภาพอึมครึมเหมือนกับประเทศไม่สามารถหลุดพ้นจากหลายสิ่งหลายอย่าง อยากให้เสียงส่วนใหญ่มีโอกาสชี้ เพราะขณะนี้มีแต่เสียงดัง ๆ ของหลาย ๆ กลุ่ม
นายกฯ กล่าวว่า โดยธรรมชาติทราบกันอยู่แล้วว่ามีเพื่อนส.ส.อยู่จำนวนหนึ่งยังไม่อยากจะเลือกตั้ง แต่วันนี้มันถึงเวลาเสียงส่วนใหญ่มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของนักการเมืองหรือกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างเดียว ตนคิดว่านี่เป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ โดยระบบการเมืองก็ต้องว่าไปตามกติกา ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อม และลูกพรรคก็ทราบดีอยู่แล้ว เราได้ประกาศไปชัดว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว ดังนั้นทุกคนก็ทราบมาตลอดว่าการยุบสภาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามถึงการชูนโยบายในการหาเสียง นายกฯ กล่าวว่า เดินหน้าประเทศไทยในการที่จะเอานโยบายเพื่อประชาชน มาแก้ไขปัญหาปากท้องเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่ไปช่วยลูกพรรคหาเสียงอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา อาจจะมีขลุกขลักบ้างแต่เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาได้สอบถาม กกต.และฝาก กกต.เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ในภาพรวมทำอย่างไรจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จริง ๆแล้วตามกฎหมายเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ผู้ใดไปทำอะไรที่ไปขัดขวางหรือทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยก็มีปัญหาแน่ มีความผิดทางกฎหมาย
ต่อข้อถามว่า ทาง กกต.ห่วงหรือหนักใจอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า บางท่านก็ยังกังวลเรื่องข้อกฎหมายในเบื้องต้น แต่หลังจากได้พูดคุยกันก็น่าจะสอดคล้องกันว่า ถ้ากรณีที่มีปัญหาว่ากฎหมายไม่เสร็จ ตัวระเบียบต้องเข้ามารองรับได้อยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ โดยทาง กกต.พร้อมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้เประชุมทั้ง 5 คนและเป็นมติ แต่ก็ได้คำตอบว่า ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ๗ทั้ง 3 ฉบับส่งให้สภาฯได้ในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมกันในต้นสัปดาห์ ส่วนจะพิจารณา 3 วาระเลยหรือไม่ มี 2 ฉบับที่สั้นมาก คือ ฉบับหนึ่งมาตราเดียว ฉบับหนึ่ง7มาตรา ที่ยาวสุดคือ 33 มาตราซึ่งสามารถออกระเบียบแทนได้แน่นอน
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นใช้กฎหมายความมั่นคงคุมการเลือกตั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กกต.พูดแต่เพียงว่าสถานการณ์ทั่วไป ฝ่ายบริการก็มีอำนาจในการใช้กฎหมายเหล่านี้อยู่แล้ว แต่โดยหลักรัฐบาลก็ไม่คิดว่าจะต้องไปถึงขั้นนั้น
ต่อข้อถามว่า ได้มีการหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ได้มีการพูดคุยบ้าง บางท่านก็เห็นด้วย บางท่านก็บอกว่าเร็วๆ ส่วนกรณีที่พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยนัดรับประทานอาหารร่วมกันในวันที่ 14 มี.ค.นั้นก็เป็นการนัดกันล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
ต่อข้อถามว่าช่วงใกล้เลือกตั้งแต่การคุยกันไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด นายกฯ กล่าวว่า ไม่แปลกอะไร เมื่อถามว่าบางพรรคการเมืองอาจจับมือกันเป็นแพคเกจคู่เพื่อต่อรองทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ก็คงต้องให้เขาคุยกัน คือแต่ละพรรคต้องมีสิทธิตัดสินใจในเรื่องการกำหนดแนวทางการเมืองของตนเองเราไปก้าวก่ายไม่ได้
เมื่อถามว่าเคยพูดชัดเจนหรือไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังจะร่วมมือกันทำงานต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ต้องถามแต่ละพรรค เราไม่สามารถไปกำหนดทิศทางพรรคอื่นได้ แต่ในแง่การทำงานขณะนี้แม้เวลาจะเหลืออยู่เดือนกว่า ทุกพรรคก็มีหน้าที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ส่วนการกำหนดทิศทางทางการเมืองเป็นสิทธิแต่ละพรรค ซึ่งแต่ละพรรคมีสิทธิที่จะตัดสินใจในเรื่องการกำหนดแนวทางการเมือง เราไปก้าวก่ายไม่ได้.