สุรยุทธ์ยัน ทหารสืบอำนาจ จะลาออก!

ไทยรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เที่ยงวานนี้ (13 ธ.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เชิญผู้บริหารสื่อมวลชนกว่า 100 คน เข้าพบและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมด้วย โดยได้กระจายรัฐมนตรีแต่ละคนไปนั่งร่วมโต๊ะกับสื่อมวลชนโต๊ะละประมาณ 10 คน

ย้ำวาระแห่งชาติ 4 ประการ

หลังรับประทานอาหารและพูดคุยกันได้ระยะหนึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ขึ้นกล่าวว่า มีเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน โดยอยากให้ตระหนักถึงบทบาทและสิ่งที่สามารถช่วยทำให้บ้านเมืองผ่านห้วงเวลาวิกฤติไปได้ ซึ่งประกอบด้วยวาระแห่งชาติ 4 ประการคือ 1. การปฏิรูปการเมืองเพื่อนำมาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม 2. การทำความสามัคคีสมานฉันท์ของคนในชาติกลับคืนมา เพื่อเยียวยาจากการแบ่งแยกทางการเมือง และนำความยุติธรรมมาสู่สังคม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3. ปฏิรูปนโยบายเศรษฐกิจเพื่อลดช่องว่างของการกระจายรายได้ที่ยังไม่เท่าเทียมกัน 4. นำหลักนิติธรรมกลับคืนมาเพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมเกือบจะทั่วหน้า ซึ่งจะต้องมีการปฏิรูประบบบริหารงานยุติธรรม ทั้งด้านตำรวจและหน่วยราชการทุกแห่งที่ประสบปัญหาคอรัปชัน และความไม่ยุติธรรม

เรียกร้องให้ช่วยเกาะติดเรื่องทุจริต

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่พูดไปทั้ง 4 เรื่องไม่น่าจะมีผลอะไรมากมายนักภายในระยะเวลา 1 ปี แต่เป็นเรื่องที่ท้าทาย เราไม่ได้คิดหวังว่าจะทำอะไรให้สำเร็จโดยสมบูรณ์ แต่เป็นสิ่งที่ต้องการแก้ไขและความร่วมมือช่วยเหลือจากสื่อที่ทำให้งานทั้ง 4 เรื่องก้าวไปได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำลังใจนั้นตนไม่พูดถึง เพราะภาครัฐทุ่มเทอยู่แล้ว ไม่ท้อถอย สู้ตลอดเวลา แต่กำลังกายและเวลานั้น ต้องเห็นใจคนแก่บ้าง วันนี้ขอถือโอกาสเชิญสื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบในหน้าที่สำคัญ 2 ประการคือ 1. การนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง รวดเร็ว และอยากจะเตือนเรื่องของการนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร สามารถให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบให้ประชาชนหาทางที่จะเลือกได้ต่อไป 2. ขอให้สื่อนำเสนอข้อมูลที่ค่อนข้างเจาะลึก โดยเฉพาะการทุจริตคอรัปชัน และการใช้หลักนิติธรรมให้มากขึ้น สื่อเป็นกำลังสำคัญในการที่จะขุดรากถอนโคนการทุจริตคอรัปชัน อาจจะต้องมีทีมงานมากขึ้น และเข้าไปมีหุ้นส่วนกับสถานศึกษาหรือองค์กรภาคสังคมต่างๆ มากขึ้น รัฐบาลพร้อมที่จะให้ ข้อมูลในเรื่องการตรวจสอบทุจริต โดยจะขอให้นายธีรภัทธ์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานกับสื่อ

ท้าจับตาใช้งบฯช่วยน้ำท่วม

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวด้วยว่า การขจัดการทุจริตคอรัปชันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกว้าง รัฐบาลได้วางแนวทางไว้หลายส่วน บางคนอาจมองไม่เห็นว่ารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะดำเนินการจัดการบางอย่างในอดีตที่เห็นว่าไม่ถูกไม่ควร ส่อไปในลักษณะไม่ชอบมาพากล คิดว่าสื่อก็ได้ติดตามบางเรื่องในอดีตมาแล้ว ปัจจุบันเราได้พยายามกำชับเรื่องการใช้งบประมาณ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการใช้งบประมาณคือ เรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วงเงินประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.พ. 2550 รัฐบาลพยายามทำให้เกิดความโปร่งใส ความเป็นธรรมให้มากสุด โดยใช้ข้อมูลข่าวสารภาพถ่ายดาวเทียมมาเป็นประโยชน์ ในการบริหารจัดการ

ให้ประชาชนตัดสินที่มานายกฯ

พล.อ.สุรยุทธ์ยังกล่าวถึงแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรีว่า การร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่พูดกันในปัจจุบันว่านายกฯจะมาอย่างไร เป็นประเด็นเปิดที่ทุกคนสามารถไปหาข้อมูลและเหตุผลมาได้ว่าควรเป็นอย่างไร ตนไม่มีธงอยู่ในใจ แต่ต้องการเปิดเวทีให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน รัฐบาลและประธาน คมช.พูดกันแล้วว่า เราไม่มีธงในการที่จะกำหนดว่านายกฯต้องมาหรือไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง เพราะไม่มีแนวคิดที่จะต่อสายทางการเมืองกันต่อไป เราอยากเห็นสิ่งที่ประชาชนต้องการจริงๆ ขอเรียนตรงนี้ได้เลย อยากให้ทุกคนช่วยกันดู และพิจารณาว่าสิ่งที่พูดในวันนี้มีสิ่งใดที่มันชักจะเริ่มเพี้ยน ขอให้สื่อช่วยแจ้งมาจะได้หาทางแก้กัน วิธีการที่ประชาชนคิดว่าดีที่สุดถูกที่สุดแล้วประชาชนควรจะเลือกอย่างนั้น อย่ายึดถือเอาการทำงานของตนเป็นมาตรฐาน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ต้องการเข้ามาแก้วิกฤติที่เป็นปัญหา เมื่อผ่านไปแล้วอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ให้ประชาชนได้วิเคราะห์คิดเอง

ขอลาออก-ถ้า คมช.สืบทอดอำนาจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ได้พูดกับผู้บริหารสื่อ 6-7 คน ที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันว่า หลักการทำงานจะเน้นเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แม้กระทั่งในส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยินดีที่จะสมานฉันท์ด้วย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่มีขั้นตอนดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ยังเน้นหลักเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตปราบคอรัปชัน ขณะที่ผู้บริหารสื่อได้ถามถึงข้อห่วงใยเกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจของบิ๊ก คมช.บางคน พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า มั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องนี้ ทหารคบกันด้วยใจ โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. เป็นทหารหน่วยรบพิเศษ หัวใจนักรบเป็นเรื่องสำคัญ เราเชื่อใจกัน นอกจากนี้ ขั้นตอนการคืนอำนาจสู่ประชาชนก็มีกระบวนชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าทหารนอกแถวคิดจะต่ออายุสืบทอดอำนาจตัวเอง ตนจะขอสงวนสิทธิด้วยการลาออกจากตำแหน่ง

รับปากดัน ก.ม.เสรีภาพสื่อ

นอกจากนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ยังรับปากว่า จะผลักดันการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยเฉพาะ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ซึ่งได้ขอแก้ไขในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย แต่มีการยุบสภาเสียก่อนจึงไม่ได้มีการเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีกฎหมายที่มีความสำคัญตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก รัฐบาลจะเร่งนำกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบมาทบทวนอีกครั้ง และนำเสนอกลับเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์