"กรณ์" ย้ำเงินกองทุนน้ำมันยังตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้จนถึงเดือน เม.ย. ชี้ไม่ลดภาษีสรรพสามิตตรึงราคาน้ำมันแน่
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 7 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีและนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ถึงสถานะของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่า กระทรวงพลังงานได้ยืนยันว่าขณะนี้ฐานะของเงินกองทุนน้ำมันนั้นมีเงินสดอยู่ประมาณ 35,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีภาระผูกพันที่ต้องนำไปชดเชยก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ,ก๊าซเอ็นจีวี และน้ำมันดีเซล ประมาณ 14,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงยังมีเงินสดเหลืออีกกว่า 20,000 ล้านบาทที่ยังไม่มีข้อผูกพัน ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ยืนยันชัดเจนว่าจะสามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.นี้
"สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะนี้สามารถที่จะชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ไปจนถึงเดือน ก.ค.2554 จนกว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบ แต่ต้องยึดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้ก่อนว่าจะอุดหนุนไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.แล้วจึงจะทบทวนอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวน จากความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลางหลายประเทศ รวมถึงเหตุการณ์ที่ประเทศลิเบียที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ก็ต้องมาหารือและทบทวนมาตรการกันอีกครั้ง โดยนายกฯได้มอบหมายให้ทั้งกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังไปพิจารณาว่าหากพ้นเดือน เม.ย.แล้วสถานการณ์ราคาน้ำมันยังไม่ดีขึ้นจะมีแนวทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไร" นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงการคลังได้ศึกษามาตรการแล้วพบว่าหากใช้เงินภาษีเข้าไปแก้ไขปัญหาพบว่าจะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ปีละ 19,000 ล้านบาท หากลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงลิตรละ 1 บาท ดังนั้นแนวทางการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตจึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาให้ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบการเก็บภาษีสรรพสามิตในอดีตกับปัจจุบันแล้วพบว่าประเทศอื่นยังสูงกว่าไทยอยู่มาก และที่ผ่านมารัฐบาลได้ลดการจัดเก็บภาษีทุกประเภทจากน้ำมันเหลือเพียง 18% เท่านั้น จากที่อดีตเคยจัดเก็บอยู่ในอัตรา 30% จึงถือว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการภาษีเข้ามาดูแล.