ปชป.-อภิสิทธิ์ บนความโชคร้ายปี 49

ปชป.-อภิสิทธิ์ บนความโชคร้ายปี 49

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดย สำราญ รอดเพชร 12 ธันวาคม 2549 18:48 น.

มติชน สุดสัปดาห์ เล่มล่าสุด เขาพาดปก อภิสิทธิ์ สมาชิกส่ายหน้า ล้อเลียนชื่อหนังไทย แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า

เสียดายที่ยังไม่ได้อ่านมติชน ยังไม่ได้ดูหนัง แต่เห็นปั๊บแล้วเรียนตามตรงว่า ค่อนข้างเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาพอประมาณ....

ไม่เพียงเท่านั้น พักนี้ข่าวคราวที่ว่า นายหัวชวน หรืออดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย เจ้าตำรับ คั่วกลิ้ง - ขิงแก่ อาจจะย่างสามขุมคัมแบ็กกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกวาระ หรือข่าวว่า เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อาจจะหวนคืนรังด้วยคน...ก็ยังเป็นคลื่นใต้น้ำคลื่นบนน้ำให้หงุดหงิดเล่น...

เอ้อ...และไม่ทันไร...เช้าวันวาน (12 ธ.ค.) ก่อนเขียนบทความ ไม่กี่ชั่วโมงได้อ่านข่าว คุณอภิสิทธิ์ถูกแม่บ้านตัวแสบที่เพิ่งลาออกเมื่อ 2 -3 เดือนก่อนขโมยบัตร ATM ไปกดเงินเล่น 121 ครั้ง จำนวนเกือบ 9 แสนบาท

โอ๊ย...พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง อะไรมันจะประเดประดังถั่งโถมโหมใส่ หนุ่มมาร์ค ได้ขนาดนี้...

เผลอๆ ตอนนี้ คุณหมอบุรณัฐ สมุทรักษ์, คุณองอาจ คล้ามไพบูลย์, คุณศิริโชค โสภา, คุณกรณ์ จาติกวณิชย์ ฯลฯ อาจจะช่วยกันหามคุณอภิสิทธิ์เข้าวัดรดน้ำมนต์ ไปแล้วก็ได้...!!

เหลียวหลังแลหน้าแล้วผมต้องฟันธงว่า คุณอภิสิทธิ์เป็นคนโชคไม่ดี...

จากอดีตนักวิชาการที่ม.ธรรมศาสตร์ เป็น ส.ส.หนึ่งเดียวใน กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโฆษกของรัฐบาลชวน 1 (หลังการเลือกตั้งเดือนก.ย.2538) เป็นรองเลขาธิการนายกฯ (ศุภชัย พานิชภักดิ์) เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน 2...

เป็นหัวหน้ากลุ่มประชาธิปัตย์ผลัดใบ พ่ายศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคต่อ บัญญัติ บรรทัดฐาน แต่กลับมารั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้โดยปราศจากคู่แข่ง หลัง บัญญัติ แสดงสปิริตลาออกเพราะพรรคแพ้เลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 6 ม.ค. 2548..

ครั้นรัฐบาลทักษิณยุบสภา เมื่อ 24 ก.พ. 49 กำหนดให้ 2 เม.ย. 49 เป็นวันเลือกตั้ง

แทนที่อภิสิทธิ์จะได้สำแดงฝีไม้ลายมือในสนามเลือกตั้ง กลับต้องมารับมือกับศึกใหญ่ที่ 3 พรรคการเมืองคือ ประชาธิปัตย์ ชาติไทย และมหาชน ...ต้องตัดสินใจเพื่อบ้านเพื่อเมือง...

บอยคอตการเลือกตั้งอัปยศ 2 เม.ย.คือทางเลือกของ 3 พรรคที่อิงแอบแนบแน่นกับกระแสประชามหาชน...

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่ใช่การตัดสินใจของอภิสิทธิ์เพียงคนเดียว หากแต่เป็นการตัดสินใจของพรรค ซึ่งเมื่อย้อนมองอาจมีบางคนไม่เห็นด้วย แต่ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เห็นด้วย...

แน่นอน สำหรับผม..ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ (รวมทั้งชาติไทย -มหาชน) ตัดสินใจได้อย่างสง่างาม...

หากปราศจากการบอยคอตการเลือกตั้งอัปยศในวันนั้น บางทีนายกรัฐมนตรีในวันนี้ยังคงชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หาใช่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่...!!

และเมื่อสถานการณ์คับขัน ประเทศไร้ทางออก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชูธงมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน โดยไม่อธิบายรายละเอียดนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงความกล้าหาญครั้งสำคัญโดยขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานเช่นเดียวกัน แต่เสนอให้พ.ต.ท.ทักษิณนำ ครม.เข้าเฝ้าขอลาออกพร้อมกราบบังคมทูลให้พระราชทานนายกรัฐมนตรี...

และประเด็นนี้เองเป็นจุดเริ่ม ของฉายา มาร์ค ม.7 ที่สื่อมวลชนบางสำนักมอบให้คุณอภิสิทธิ์รับไปแบบคนเดียว...ซึ่งผมว่าไม่ยุติธรรม...

แต่ก็เอาเถอะ...คนเป็นหัวหน้าพรรค เป็นบุคคลสาธารณะระดับนี้ คงไม่มาติดหล่มแห่งความโกรธเกลียดอยู่กับเรื่องแค่นี้...

มากไปกว่านั้น....ต้องไม่ลืมว่าในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่ต่อสู้ต่อต้านเผด็จการ (ทหาร)อย่างเข้มข้น นั้น เอาเข้าจริงในทางปฏิบัติก็ไม่ได้เข้าร่วมกับขบวนการประชาชนสักเท่าใดนัก โดยมักอธิบายว่า...ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมือง ต้องเดินแนวทางรัฐสภา ดังตัวอย่างสุดท้ายดูได้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535...

แต่กรณีการเปิดโปง ต่อต้านและขับไล่ระบอบทักษิณ...ผมถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ยกระดับและขยับตัวเองเข้าร่วมกับขบวนการประชาชนมากกว่าครั้งใด

ใครจะว่าเป็น..ไฟลต์บังคับ ใครจะว่าเพราะประชาธิปัตย์มีผลประโยชน์ร่วมก็ตามที แต่นี่คือ เนื้อหาใหม่ ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง...เป็นเนื้อหาใหม่ที่จะต้องฝ่าข้ามความยากลำบากและคำครหา..ด้วยบทพิสูจน์...

ประชาธิปัตย์จะต้องต่อสู้คดียุบพรรค อันเนื่องจากเกมการต่อสู้ การบอยคอตเลือกตั้ง 2 เม.ย. 49

ประชาธิปัตย์จะต้องอธิบายความว่าตัวเองไม่เห็นด้วยกับวิธีการยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. 49 แต่เห็นด้วยกับผลลัพธ์ที่คณะทหารทำให้ ทักษิณ...ออกไป ได้สำเร็จ..

ทั้งสองโจทย์...ตกอยู่บนบ่าไหล่ของพรรคในยุคที่มีหัวหน้าพรรคหนุ่มวัย 41 ปี อย่างอภิสิทธิ์....

ซึ่งทั้งสองประการนี้ผมว่าอภิสิทธิ์ทำได้แข็งแรง...โดยเฉพาะการตอบโจทย์เรื่อง 19 ก.ย.

ส่วนที่บอกว่า สมาชิกพรรคส่ายหน้า นั้น น่าจะเป็นเรื่องอื่นๆ ซึ่งน่าจะมีเรื่องการปรับตัวให้ ติดดิน การให้เวลากับพรรค กับสมาชิกพรรคที่ควรมากและเข้มข้นกว่าเดิม...ฯลฯ..

แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ พอมีโจทย์เรื่องคดียุบพรรค

หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบ พวกกรรมการบริหารพรรคต้องเว้นวรรคเล่นการเมือง 5 ปี ก็เลยมีคนในพรรคบางคนบางกลุ่มคิดข้ามช็อตว่า...เป็นโอกาสของคนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคอย่างชวน หลีกภัย ที่จะได้ใช้ประสบการณ์อดีตนายกฯ 2 สมัยพอดีเป๊ะ...

แม้คุณพี่ชวนของผมจะออกมาปฏิเสธ และยืนยันสนับสนุน หนุ่มมาร์ค กันเสียงแหบเสียงแห้งแต่ก็กระแสก็ยังไม่จางคลาย..ยิ่งพอเกิดกรณีแม่บ้านกับ ATM ด้วยแล้ว ผมก็ได้ยินใครบางคนเริ่มซุบซิบว่า...แค่เรื่องบริหารบัตร ATM ยังปล่อยให้คนใช้กดได้ถึง 121 ครั้ง แล้วจะบริหารประเทศได้ยังไง...!?

ผมถึงว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนโชคร้าย...

ซึ่งก็ได้แต่ให้กำลังใจ คิดเสียว่า คนอื่นอาจส่ายหน้าเราบ้างเป็นธรรมดา แต่สำหรับตัวเราอย่าเผลอส่ายหน้ายอมแพ้พ่ายตัวเองเสียก่อน...ค่อยๆ คิดและทบทวนความผิดพลาด..ค้นหาจุดอ่อนจุดแข็งของเราเพื่อยกเครื่องตัวเอง...

ครับ! ตลอดปี 2549 ผมสรุปของผมว่า...ประชาธิปัตย์ที่มีคุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้า...เป็นพรรคการเมืองแห่งปี แม้ว่าส่วนตัวคุณอภิสิทธิ์ยังจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของผู้คนมากกว่าเดิมก็ตาม.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์