ท้าแม่ทัพ แบบัญชีดำ 200 สส. ทรท.โวย



"การชุมนุมเรียบร้อยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น"


เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (11 ธ.ค.) พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มผู้ต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า การชุมนุมมีความเรียบร้อยดี และไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรงใดๆเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนคนไทยเริ่มฉลาดมากขึ้น และรู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข

ทั้งนี้ เหตุที่มีผู้ชุมนุมมาไม่มากตามที่เป็นข่าว เนื่องจากไม่มีผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย การที่มีผู้มาร่วมชุมนุมกันน้อยถือเป็นเรื่องที่ดี บ้านเมืองจะได้มีความสงบสุข ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะมีการประชุมต่อเนื่องในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เขามีสิทธิ์ที่สามารถชุมนุมได้ เพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าหากเขาทำอะไรเกินขอบเขตเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเป็นผู้จัดการเอง ขณะนี้ทหารยังอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ออกมาปฏิบัติการใดๆทั้งสิ้น

มีอยู่ไม่กี่คนทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ


ขณะนี้พื้นที่ 256 อำเภอที่กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบได้มีการแบ่งทหารลงไปดูแลประชาชน และลงไปพัฒนาพื้นที่ ขณะนี้ไม่มีพื้นที่จังหวัดใดหรือเขตใดที่น่าเป็นห่วง ส่วนการลงไปทำความเข้าใจกับกลุ่มประชาชนที่ต่อต้าน คมช.นั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆที่ต้องลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน ผมเชื่อว่าประชาชน ส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว แต่มีคนที่พยายามทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ มีอยู่ไม่กี่คนหรอก พล.ท.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า คิดว่าสถานการณ์ไม่น่าจะยืดเยื้อและไม่น่าจะรุนแรงขึ้น เพราะขณะนี้ได้มีการโปรดเกล้าฯ สมัชชาแห่งชาติลงมาแล้ว หลังจากที่ได้สมาชิกสมัชชาครบตามจำนวนจะมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา คิดว่าทุกอย่างน่าจบลงได้ จากนั้นจะได้มีการเลือกตั้งกันตามระบอบประชาธิปไตย จึงไม่น่าจะมีการเรียกร้องอะไรที่รุนแรง

บ้านเมืองวุ่นวายทำให้รัฐธรรมนูญล่าช้า


เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า การร่างรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาไม่ใช่ทำเพียง 2-3 วันแล้วจะเสร็จ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันอยู่ในความสงบ เพราะหากบ้านเมืองยังวุ่นวาย จะทำให้การร่างรัฐธรรมนูญช้ากว่าที่กำหนดไว้ เมื่อทุกคนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็ต้องอยู่ในความสงบรอให้มีร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเสียก่อน จากนั้นจะมีการต่อสู้ทางการเมืองอย่างไรค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าการร่างรัฐธรรมนูญน่าจะเสร็จภายใน 1 ปีตามที่ คมช.กำหนดไว้

จาตุรนต์ เดือดขึ้นบัญชีดำ ทรท.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการขึ้นบัญชีดำอดีต ส.ส.กว่า 200 คน ของ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 โดยระบุว่าอยู่ในกลุ่มอำนาจเก่า ที่เป็น ส.ส.จำนวนกว่า 200 คนว่า ยังไม่อยากเชื่อว่าท่านจะพูดอย่างนั้น แต่ถ้าพูดไปแล้วก็ยังพูดใหม่ได้ เรียกว่าพูดผิดพูดใหม่ได้ การออกมาระบุว่ามีการขึ้นบัญชีอดีต ส.ส. หรือขึ้นบัญชีดำกลุ่มอำนาจเก่า 200 กว่าคน ก็ย่อมหมายถึงอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จุดนี้จะทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดระแวง เป็นการปกครองที่สร้างแต่ความหวาดกลัว ไม่สมานฉันท์ ไม่ตรงกับนโยบายของประธาน คมช. และนายกรัฐมนตรี อยากถามท่านทั้งสองว่ามีนโยบายอย่างไรแน่ ถ้ามีนโยบายสมานฉันท์และจะปกครองโดยยึดหลักกฎหมายบ้านเมือง ก็ควรห้ามปรามผู้ใต้บังคับบัญชาเสียบ้าง ที่ผ่านมานายกฯประกาศยกเลิกบัญชีดำใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะมีแต่ทำให้คนอยู่ด้วยความหวาดระแวง แต่กลับมาขึ้นบัญชีดำอดีต ส.ส.ทั่วประเทศ จะให้เข้าใจอย่างไร

เป็นแผนเอื้อประโยชน์พรรคคู่แข่ง


นายจาตุรนต์กล่าวว่า ทั้งประธาน คมช.และนายกฯ ก็มักพูดถึงการเลือกตั้งว่าต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ถ้าเอาการกระทำต่ออดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยมาปะติดปะต่อกันแล้ว ก็ทำให้สงสัยว่ากำลังหวังผลอย่างไรต่อการเลือกตั้งกันแน่ เพราะ 2 เดือนมานี้มีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเพียงพรรคเดียว ที่ออกเยี่ยมชาวบ้านไม่ได้ พบประชาชนไม่ได้ ถูกห้ามปรามทันที มาวันนี้ถูกขึ้นบัญชีดำอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ ต่อไปคนก็จะกลัวที่จะสนับสนุนอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ส.เองก็คงไม่กล้าสังกัดพรรคไทยรักไทย อย่างนี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งอย่างชัดเจน เท่ากับไม่เป็นกลางทางการเมือง ผู้มีอำนาจกำลังกำหนดให้ใครได้เป็นผู้แทนราษฎรและเท่ากับกำหนดว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาลนั่นเอง ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะบริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร

ไล่ไปดูประวัติศาสตร์จุดจบเผด็จการ

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า พรรคไทยรักไทยได้ ประกาศชัดเจนแล้วว่า เมื่อการรัฐประหารได้สำเร็จไปแล้ว เราก็ไม่มีนโยบายต่อต้านล้มล้างคณะรัฐประหารอีก แต่เราจะต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา แต่ฝ่ายความมั่นคงยังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ สร้างข่าวสร้างภาพเหมือนกับว่าเราจะไปล้ม คมช. หรือรัฐบาล

พวกนี้ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จึงหลงทิศผิดทาง ไม่รู้ว่าคณะรัฐประหารและพวกเผด็จการนั้น ไม่เคยล้มไปเพราะนักการเมืองหรือพรรคการเมือง แต่จะล้มไปโดย 2 ทางคือ การรัฐประหารกันเอง หรือไม่ก็โดยประชาชน พรรคการเมืองและนักการเมืองจะล้มรัฐบาลได้ ก็ต่อเมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรอยู่เท่านั้น เพราะฉะนั้นขอให้ผู้มีอำนาจไประวัง 2 สาเหตุนี้ให้ดีเถิด ในหมู่พวกท่านด้วยกันเองใครคิดอย่างไรนั้น เราไม่ทราบได้ แต่ สำหรับประชาชน วิธีป้องกันไม่ให้ประชาชนล้มท่านก็คือ 1. ต้องปกครองด้วยความเป็นธรรม อย่าลุแก่อำนาจ 2. แก้ปัญหาของประชาชนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่สร้างปัญหาใหม่ๆขึ้น 3. อย่าปล่อยให้มีการทุจริตหาประโยชน์แก่พวกพ้อง 4. รีบคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว และอย่าสืบทอดอำนาจเผด็จการ ถ้าท่านทำได้อย่างนี้ใครก็ล้มท่านไม่ได้ แต่ถ้าท่านสอบตกในเรื่องเหล่านี้ประชาชนก็จะล้มท่าน ไม่ว่าท่านจะมีกำลังอาวุธเข้มแข็งเพียงใดก็ตาม นายจาตุรนต์กล่าว

เป็นอาการวิตกกังวลค่อนข้างรุนแรง


น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ความกังวลของแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ออกมากล่าวหาอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เป็นอาการวิตกกังวลค่อนข้างรุนแรง สิ่งต่างๆที่ คมช.ดำเนินการไปเพื่อความสมานฉันท์ถือว่าเสร็จสิ้นไปแล้ว การแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ ที่ต้องทำต่อเนื่องจากการปฏิวัติ ก็กำลังจะดำเนินการไปได้ด้วยดี ในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆก็นิ่งเฉย และเฝ้าดูการทำงานของ คมช. และรัฐบาล รอดูรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.

จะดีขึ้นหรือเท่าเทียมหรือเลวลงกว่าเดิม เพราะต่างคาดหวังว่าจะมีการเลือกตั้งในอีก 9 เดือนข้างหน้า ตามสัญญาประชาคมที่ คมช.ให้ไว้ คงไม่มีใครที่จะเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความชอบธรรม ในการต่ออายุให้กับคณะปฏิวัติ ทั้งนี้ นักการเมืองและประชาชนกำลังเฝ้าดูรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.ที่ยื้อเวลาถึง 9 เดือน จะออกมาดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 หรือจะเลวกว่า ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ส่วนผลกระทบจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับ คมช.ที่ปฏิวัติเพื่อใครกันแน่

สร้างความหวาดกลัวหวังสืบต่ออำนาจ


ทฤษฎีหมอผีที่ต้องการสร้างความน่ากลัวให้กับประชาชน เพื่อสืบทอดอำนาจในการปกครองเผ่าของคนป่า ถือว่าเป็นอารยะย้อนยุค ไม่ควรนำมาใช้ในปัจจุบัน รวมถึงขณะนี้ สถาบันทหารกำลังได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่หากการดำเนินการใดๆที่มีเจตนารมณ์อื่นแอบแฝง จนกระทั่งเลยธงของการสมานฉันท์ อาจทำให้ กระแสความนิยมของพี่น้องประชาชนลดน้อยลงหรือตีกลับได้ ทหารควรจะนำภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในสมัย รสช. มาเป็นบทเรียนถ้าจำกันได้ว่า ทหารไม่สามารถสวมเครื่องแบบเดินบนท้องถนนได้ หรือไม่กล้าแม้กระทั้งติดตราของหน่วยทหาร น.ต.ศิธากล่าว

แน่จริงเปิดเผยรายชื่อ 200 อดีต ส.ส.

น.ต.ศิธากล่าวว่า หากมีรายชื่ออดีต ส.ส.เป็นแกนนำเคลื่อนไหว ถ้าเป็นจริงถือว่าเป็นความผิดที่รุนแรง ในบรรยากาศสมานฉันท์และปีมหามงคลเช่นนี้ ดังนั้นขอให้แม่ทัพภาคที่ 1 นำรายชื่ออดีต ส.ส. ทั้ง 200 คน มาเปิดเผยโดยเร็วที่สุด เพื่อประณามกลุ่มบุคคลดังกล่าว และต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยไม่มีการอภัยโทษ แต่ หากไม่มีรายชื่อจริงก็ขอให้ทุกฝ่ายรู้จักปล่อยวาง และยึดมั่นในแนวทางสมานฉันท์ กลับไปทำงานในหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบ ให้คุ้มกับเงินเดือนที่ได้จากภาษีอากรของประชาชน แล้วเหตุการณ์ต่างๆในบ้านเมือง ก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติเอง

ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นและศรัทธาการทำงาน ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. ที่มีเจตนารมณ์ในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ ตามแนวทางสมานฉันท์ ดังนั้น จึงอยากฝากประธาน คมช. ให้ช่วยกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ที่พยายามเอาใจนายจนเลยธงของความสมานฉันท์ หรืออาจมีเจตนาแอบแฝงเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจกันแน่ น.ต.ศิธากล่าว

เด็กสุชาติ โต้ทหารไม่ยุ่งการเมือง


นพ.สุทธิชัย จันทร์อารักษ์ อดีต ส.ส.ยโสธร พรรคไทยรักไทย กลุ่มพ่อมดดำ กล่าวตอบโต้กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ระบุว่า ที่ประเทศชาติย่ำแย่เพราะกองทัพอ่อนแอ จึงต้องทำให้การทหารเข้มแข็งกว่าการเมืองว่า ขอฝากถึง พล.อ.สนธิให้กลับไปดูประวัติศาสตร์ว่า ทหารไม่อยากยุ่งกับการเมืองจริงหรือ เริ่มจากปี 2475-2500 ยุคนั้นเป็นยุคทหารครอง ประเทศ 22 ปีครึ่ง จากนั้นในปี 2500-2516 ทหารยึดครองประเทศทั้งหมด ด้วยการใช้กระบอกปืน และปี 2516-2519 มีการปฏิวัติโดยประชาชน แต่หลังปี 2519 ทหารก็ได้ปฏิวัติยึดอำนาจอีก ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2520-2530 เป็นต้นมา มีทหารถึง 2 คน เป็นนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จากนั้นจึงเป็นการเมืองที่หัวหน้าพรรคที่เป็นพลเรือนได้เป็นนายกฯ ดังนั้นที่ทหารบอกว่าไม่อยากยุ่งกับการเมือง จึงไม่เป็นความจริง

แพ้ชนะอยู่ที่ความสามัคคีของคนในชาติ

นพ.สุทธิชัยกล่าวอีกว่า การอ้างว่าขณะนี้กองทัพไทยรบชนะได้แค่เขมรและลาวนั้น การพูดเช่นนี้เป็นการดูถูกทั้ง 2 ประเทศ และตัวเราเอง เพราะการชนะสงครามไม่ได้อยู่ที่ยุทธปัจจัยในกองทัพ แต่อยู่ที่ความสามัคคีของคนในชาติ วิธีคิดเช่นนี้ถือว่าคิดผิด ขณะนี้ภัยของประเทศได้แก่ความยากจน ความไม่เป็นธรรมทางสังคม ตรงนี้คือสงครามที่เราต้องทำ ไม่ใช่ไปแย่งชิงประเทศ ดังนั้นการเมืองกับทหารจึงต้องไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่เน้นไปด้านใดด้านหนึ่ง

ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุเรื่องการจ่ายเงินที่ จ.สกลนครของแกนนำพรรคไทยรักไทยนั้น ขอฝากถึงนายเทพไทและพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่าเล่นการเมืองโดยยืมดาบมาฆ่าคน พอตัวเองรบสู้ไทยรักไทยและความหวังใหม่ ไม่ได้ก็ยืม คมช.เป็นเครื่องมือ การเมืองแบบนี้ถือว่าล้าหลังใช้ไม่ได้ ความจริงเคยได้ยินนายเทพไทพูดให้ข่าวว่า มีการอมเงินของขุนพลอีสานพรรคประชาธิปัตย์จนแพ้การเลือกตั้ง ตรงนี้ก็อยากจะทวงถามเหมือนกันว่าหมายความว่าอย่างไร

ชูวิทย์ ค้านการขึ้นบัญชีดำอดีต ส.ส.


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ถ้าเรามองในมุมกลับ หากเราต้องการสมานฉันท์ กันจริงๆ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ไม่ควรขึ้นบัญชีดำอดีต ส.ส. 200 คน เพราะหากมองให้ ลึกลงไป พรรคไทยรักไทยพยายามที่จะเล่นเกมการเมือง ขอบอกตรงๆว่า ทหารไม่ทันนักการเมืองหรอก ท่านไม่รู้หรอกว่า นักการเมืองร้อยเล่ห์พันประการขนาดไหน ในงานด้านการเมืองพรรคไทยรักไทยมีความเชี่ยวชาญด้านมวลชนเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังดำเนินการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง จึงไม่อยากให้ คมช.หลวมตัว เพราะหากปล่อยให้นานไปประชาชนก็จะมองว่าเป็นการหนีเสือปะจระเข้ หาก คมช.ขึ้นแบล็กลิสต์จริง ก็เป็นการเข้าทางพรรคไทยรักไทยที่วางหมากให้เป็นอย่างนั้น พรรคไทยรักไทยกำลังปูทางขุดหลุมพรางให้ คมช.เดินมาตกหลุม จริงๆแล้ว คมช.ไม่น่าจะเดินตามสิ่งที่พรรคไทยรักไทยพยายามจะให้เป็น

เตือน คมช.อย่าเต้นให้คนเอือมระอา

นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า หาก คมช.นิ่งซะ ทุกอย่างก็จะไม่เกิดปัญหา แต่นี่ คมช.กลับไปเต้นตาม จึงทำให้ ประชาชนเริ่มจะเอือมระอา เริ่มคิดว่า คมช.เองก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย มันไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดก่อนๆ อย่างเช่นการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าไม่ได้มีอะไร คนก็น้อยมาก แต่ คมช.ก็ไปเต้นตาม และยังจะขึ้นแบล็กลิสต์อีก อย่างนี้ก็เข้าทางพรรคไทยรักไทย ที่อยากจะปลุกระดมให้ประชาชนเกลียด คมช.ไม่ศรัทธา แล้วท้ายที่สุดก็จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ทีนี้ก็จะรุนแรงมากขึ้น

คมช.ต้องตั้งมั่น อย่าส่ายตาม เพราะประชาชนจะมองว่าการปฏิวัติไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ปัญหาต่างๆก็แก้ไม่ได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ภาคใต้ การปราบทุจริต หากประชาชนคิดเช่นนี้เมื่อไร วันนั้นก็อันตราย ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆจะรุนแรงมากขึ้นช่วงกลางปี เพราะถึงวันนั้น หาก คมช.ไม่มีผลงานประชาชนลุกฮือแน่ ตอนนี้ ส.ส.ไทยรักไทยยังทำอะไรมากไม่ได้ ก็เพียงแค่เขย่าให้ คมช.เต้นตาม แล้วให้ประชาชนเดินตาม ยอมรับว่าไทยรักไทยเก่งเรื่องมวลชนมาก จึงอยากเตือน คมช.ว่า อย่าวิ่งตามก็พอแล้ว นายชูวิทย์กล่าว

ไล่แม่ทัพ 1 ไปดูจุดจบอดีตเผด็จการ


สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันเดียวกัน นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายเตมูจิน กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าไปปรากฏบนเวทีต้าน คมช.ที่ท้องสนามหลวง เมื่อเย็นวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า หลังจากประกาศเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปเป็นวันที่ 6 ม.ค. 2550 แล้วนั้น ได้เดินทางไป จ.เชียงใหม่ ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่สนามหลวงอย่างที่หนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าว ส่วนกรณีที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ขึ้นบัญชีดำแกนนำม็อบต่อต้าน คมช.กว่า 200 คนนั้น ขอเรียนว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำลายบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์ เข้าใจว่าแม่ทัพภาคที่ 1 คงคิดไปเองว่าอำนาจ คมช.และรัฐบาลมีล้นฟ้า สามารถกำหนดองคาพยพของประเทศได้ ถือเป็นเรื่องที่ล่อแหลม ขอให้แม่ทัพภาคที่ 1 ย้อนดูอดีตของเผด็จการในแต่ละยุค ที่มีแนวความคิดคล้ายกันว่า ถึงที่สุดแล้วจะมีจุดจบเช่นไร

ไฟไหม้โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นวางเพลิง

พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.สนว.ตร. กล่าวถึงผลการตรวจพิสูจน์เหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือว่า หลายครั้งที่เกิดเพลิงไหม้สถานที่ราชการ โรงเรียน มักจะมีข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเป็นเรื่องของไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปรากฏว่าจากการตรวจ 10 แห่ง พบเพียง 1-2 แห่ง ที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร นอกนั้นมาจากสาเหตุอื่นๆ จึงต้องกำชับให้ทุกหน่วยเพิ่มความละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น สำหรับผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในโรงเรียนหรือสถานที่ราชการหลายๆแห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน จะออกอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ จะส่งให้พนักงานสอบสวนนำไปขยายผลต่อไป



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์