แฉ 5 ปีระบอบทักษิณโคตรซุก มั่วสัมปทานเอื้อพวก-ทีดีอาร์ไอแนะแก้กม.

"เสนอแก้ กม.ข้อมูลข่าวสาร"


ทีดีอาร์ไอกระตุ้นรัฐบาลสุรยุทธ์นำความโปร่งใสคืนสู่สาธารณะ แฉ 5 ปีระบอบทักษิณปกปิดสารพัดทั้งสัญญาสัมปทาน ราคาค่าไฟ โดยสั่งให้ถอดข้อมูลออกเว็บไซต์ที่เคยเปิดดูได้ พร้อมเสนอแก้กฎหมายข้อมูลข่าวสารให้มีบทลงโทษหน่วยงานราชการที่ไม่คลายข้อมูล และ ตั้งศูนย์รวบรวมสัญญาสัมปทานป้องทุจริต แนะ คสต. ปปช. รับลูกสอบครม.แม้ว เอาผิดทางอาญา เหตุออกมติ ครม. เปิดทางลดภาษีสรรพสามิตเอื้อธุรกิจมือถือ-ดาวเทียม เสนอล้มมติครม.-พรก.เจ้าปัญหา ด้านคตส. เผยจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงสัปดาห์นี้ หากพบว่ามีการกระทำผิดลุยพิจารณาสัปดาห์หน้าทันที

ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2549 ของสถาบันพัฒนาเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ในหัวข้อ สู่หนึ่งทศวรรษหลังวิกฤติเศรษฐกิจ: ได้เรียนรู้และปรับปรุงอะไรบ้างที่โรงแรมแอม บาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรีวันที่ 2 วานนี้(10ธ.ค.)

"แนวทางป้องกันและปราบปราม"


นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอ กล่าวสรุปจากระดมความคิดหัวข้อ ธรรมาภิบาลทางการเมืองกับนโยบายทางเศรษฐกิจ ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบันได้มีการวิวัฒนาการจากการทุจริตแบบรับสินบนใต้โต๊ะของภาครัฐมาผนวกเป็นส่วนเดียวระหว่างธุรกิจการเมืองกับนักการเมือง จนทำให้มีการออกนโยบายเอื้อประโยชน์และกำหนดเงื่อนไขสัมปทานเอื้อกับธุรกิจสัมปทาน

ดังนั้น แนวทางแก้ไขควรมีการป้องกันและการปราบปราม ด้วยการนำความโปร่งใสกลับมา เพราะช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทาน ข้อมูลเกี่ยวข้องกับราคาค่าไฟ ที่เดิมเคยอยู่ในเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ซึ่งเป็นข้อมูลที่หาได้ยาก

"รัฐบาลนี้ควรเร่งนำโปร่งใสกลับมาสู่สังคมไทย ด้วยการแก้ไขกฎหมายข้อมูลข่าวสารของทางราชการและมีการกำหนดโทษหากหน่วยงานรัฐนั้นไม่ปฏิเสธไม่ทำตาม นอกจากนี้ควรมีการตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อความโปร่งใสเพื่อรวบรวมสัญญาสัมปทานที่มีมูลค่าสูง ๆ รวมทั้งสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ใบอนุญาตที่เสี่ยงต่อการทุจริตคอรัปชั่นได้หากมีการปกปิดข้อมูล ดังนั้นการนำข้อมูลเหล่านี้มาไว้ที่เดียวกันจะช่วยให้ภาคประชาชน นักวิชาการ สามารถติดตามตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่อาจจะเกิดขึ้นได้"

"ให้ป้องกันการเมืองแทรกแซงสื่อ"


นอกจากนี้ ควรมีการรับประกันสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ด้วยการแปลงสื่อของรัฐเป็นสื่อสาธารณะที่ไม่ให้พรรคการเมืองเข้ามาแทรกแซง รวมทั้งต้องรับประกันอิสระทางด้านการเงิน บุคลากร บริหารจัดการ ให้กับองค์กรสื่อเหมือนสถานีโทรทัศน์บีบีซีของประเทศอังกฤษ

ส่วนการปราบปรามทุจริตนั้นรัฐบาลควรเร่งลงมือการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาลที่ผ่านมา หากพบแล้วควรดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยไม่ต้องเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าทำได้จะเป็นการส่งสัญญาณถึงสังคมว่ารัฐบาลกำลังเอาจริงเพื่อยุติการทุจริตคอร์รัปชั่น

"เชื่อว่ารัฐบาลนี้น่าจะดำเนินการ เพราะหลายโครงการที่อยู่ในการดูแลของ คตส.และป.ป.ช. ก็คงดำเนินไป แต่วิธีการที่จะส่งสัญญาณได้ชัดเจนคือ เลือกกรณีที่มีข้อเท็จจริงและหลักฐานชัดเจน เพื่อดูข้อกฎหมายในการเอาผิด เช่น การออกมติครม.วันที่ 11 ก.พ.46 ที่ถือได้ว่าเป็นการเก็บภาษีสรรพสามิตอย่างเลือกปฏิบัติระหว่างผู้รับใบอนุญาตใหม่ที่ประกอบกิจการโทรคมนาคม และผู้รับสัมปทานเดิม ซึ่งมติ ครม.ดังกล่าวเป็นการเอื้อให้กับธุรกิจสัมปทานโทรศัพท์และโทรคมนาคม ที่บอกให้นักธุรกิจเหล่านั้นไม่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตจริง แต่ให้นำค่าสัมปทานของรัฐมาหักออก ซึ่งน่าจะเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดกับกฎหมายอาญา ม.154 และ 157 ถือเป็นความผิดที่ไปยกเว้นภาษีให้กับเอกชนบางราย อยากจะฝาก คตส.และ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการเรื่องนี้"

"เสนอให้กิจการโทรคมนาคมไม่ต้องเสียภาษี"


นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องดูว่า เมื่อมติครม.ที่ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายแล้วจะเอาผิดใครได้บ้าง ถ้าเอาผิดทางอาญาไม่ได้ก็สามารถเอาผิดทางแพ่ง เพราะเรื่องการยกเว้นภาษีทำให้เกิดความเสียหายทางแพ่ง รายได้ที่ควรจะเข้ารัฐ จำนวนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก็ตกไปอยู่ในมือเอกชน ซึ่งความเสียหายที่เอกชนไม่ได้จ่ายภาษีให้กับรัฐนั้น เอกชนอาจจะอ้างว่า เป็นการทำตามมติ ครม.อาจจะปฏิเสธ ไม่ยอมเสียภาษี แต่ตามข้อกฎหมายเมื่อมติ ครม.เป็นเช่นนี้ ก็คงยากที่จะไปตามไล่เบี้ยจากเอกชน สิ่งที่ทำได้คือการไล่เบี้ยกับ ครม.ชุดเก่า เพื่อเอาผิดในทางอาญาให้ได้

ทั้งนี้ นายสมเกียรติเสนอแนวทางว่า ในระยะยาวต้องมีการแก้ไข พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2546 ให้เป็น พ.ร.บ.พิกัดภาษีสรรพสามิต โดยมีสาระสำคัญให้ตัดกิจการโทรคมนาคมออกจากกิจการที่ต้องเสียภาษี เพราะถ้ายังให้กิจการเหล่านั้นเสียภาษีเขาจะผลักภาษีให้กับผู้บริโภค อาจทำให้ค่าบริหารสูงขึ้น ซึ่งในระยะสั้นนี้ตนขอเสนอให้รัฐบาลชุดนี้ยกเลิกมติครม.ที่ลงวันที่ 11 ก.พ.46 แล้วออกประกาศกระทรวงการคลังกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตให้เหลือ 0 % หรือ 2 % หรือให้ต่ำที่สุด

คตส.ขอข้อมูลอมภาษีโทรคมนาคมสัปดาห์นี้


นายบรรเจิด สิงคะเนติ หนึ่งในคณะกรรมการคตส.กล่าวถึงกรณีในที่ประชุมใหญ่เมื่อวันพุธที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเรื่อง ที่กรณีตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)และตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด มหาชน เข้าร้องเรียนกรณีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออก พ.ร.ก.แก้ไขพ.ร.บ.อัตราพิกัดภาษีสรรพสามิต เมื่อปี 46 โดยมิให้บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับรัฐจ่ายภาษีสรรพสามิต แต่ให้คู่สัญญาภาครัฐ หักส่วนแบ่งจากรายได้จ่ายภาษีสรรพสามิตแทนว่า เป็นการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งจะต้องดูความชัดเจนเรื่องของประเด็นปัญหาว่ามีหลักฐานข้อเท็จจริงหรือไม่ รวมทั้งดูเรื่องของกฎหมายว่า ผู้ถูกร้องเสียเปรียบจริงหรือไม่

ขั้นตอนต่อไปจะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับประเด็นก่อให้เกิดความเสียหายอย่างที่กลุ่มสหภาพร้องเรียนมาหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ จะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลภายในสัปดาห์นี้ และหากเป็นประเด็นอย่างที่สหภาพแรงงานทั้ง 2 บริษัทร้องร้องเรียนจริง ก็จะสรุปประเด็นเพื่อเสนอ คตส.ชุดใหญ่พิจารณาในสัปดาห์หน้า

เตรียมเรียก "บรรณพจน์-พจมาน" สอบภาษีหุ้นชินฯ


นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเสียแก่รัฐ(คตส.)ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการซื้อขายหุ้นของ บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายบรรณพจน์ ซื้อหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จากน.ส.ดวงตา วงษ์ภักดี คนรับใช้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำนวน 738 ล้านบาท ซึ่งคตส.ได้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีทางอาญากับ นายบรรณพจน์ กับพวกอีก 5 คนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาดำเนินการคัดค้านรายชื่ออนุกรรมาการไต่สวนภายใน 7 วัน ซึ่งหากไม่มีการคัดค้าน ทางอนุกรรมาการไต่สวนก็สามารถดำเนินการ โดยสามารถเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 5 คนมาชี้แจงข้อกล่าวหาที่ได้กล่าวหาไป ซึ่งหากครบกำหนด 7 วัน ก็สามารถดำเนินการเรียกมาชี้แจงได้ทันที

เมื่อถามว่า จะสามารถเรียกผู้ที่ถูกล่าวหามาชี้แจงข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้าได้หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า หากไม่มีการคัดค้านภายใน 7 วัน นับจากนี้ ก็สามารถดำเนินการสอบสวน และเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงได้ทันที

แก้วสรรชี้โกงบ้านเอื้อฯหาหัวพญานาคเจอแล้ว


นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในการตรวจสอบไปมา โดยอนุฯได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร ซึ่งพบมีบางโครงการที่เชื่อว่ามีการทุจริต เพราะเมื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้วพบมีการซื้อขายที่ดินที่แพงกว่าปกติ จึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน และหากมีความชัดเจนยิ่งขึ้นทางอนุกรรมการก็สามารถที่จะเปิดเผยในบางโครงการได้

ทั้งนี้ ได้สั่งให้ทางอนุฯได้ดำเนินการตรวจสอบในส่วนของผู้ออกระเบียบ กฎเกณฑ์ ในโครงการ ซึ่งขณะนี้สามารถหาตัวบุคคลที่เป็นผู้ออกกฎเกณฑ์ได้แล้ว และเมื่อดำเนินการสอบเขาก็ยอมรับ ตอนนี้ก็เหลือแต่เพียงตรวจสอบในแต่ละโครงการว่ามีโครงการไหนบ้างที่ทุจริตซึ่งต้องใช้ระยะเวลา อย่างไรก็ตามทางอนุได้วางกรอบการทำงานอย่างเป็นระบบ แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจะเสร็จเมื่อใด จะตั้งอนุไต่สวนได้ตอนไหน เพราะโครงการดังกล่าวมีมากกว่า 181 โครงการ และบริษัทที่เข้ามามารับช่วงก่อสร้างก็มีถึง 61 บริษัท ซึ่งในการตรวจสอบความเชื่อมโยงของแต่ละบริษัทนั้น ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งหากจะตรวจสอบต้องนำประวัติมาศึกษาให้ชัดเจนว่าบริษัทเป็นอย่างไร เพราะในส่วนนี้อาจจะนำไปสู่ตัวการใหญ่ได้

"ต้องค่อยๆ ตรวจสอบสาวให้ลึก"


"การที่จะจับพญานาคนั้นต้องใช้ระยะเวลา อีกทั้งพวกพญานาคมักจะไม่ลงมายังพื้นดิน ดังนั้นต้องวางแผนการตรวจสอบให้ดี ซึ่งตอนนี้เราสามารถที่จะหาตัวการที่เป็นหัวสุด และเป็นตัวที่ออกระเบียบ ขั้นตอนต่อไปก็ดำเนินการสอบลงมายังข้างล่าง สาวลงไปเลื่อยๆ ตรงนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า มีใครกระทำการทุจริตในโครงการดังกล่าว"นายแก้วสรรกล่าว

ทั้งนี้ การตรวจสอบโครงการดังกล่าว เป็นการสอบการทุจริตในเชิงนโยบาย ดังนั้น ต้องไปตรวจสอบดูว่าใครเป็นคนให้นโยบาย ใครเป็นคนผลักดัน และเราก็ต้องมาดูว่าใครบ้างที่เป็นผู้ดำเนินการตามนโยบาย ตรงนี้เราต้องเรียกมาให้ข้อมูล ส่วนจะสาวไปถึงในระดับรัฐมนตรีหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐาน

จารุวรรณโต้ทนายแม้วยันคตส.ไม่ซี้ซั้ว


คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของครอบครัวพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีคตส.บางคนไม่เป็นกลางมีอคติกับคดีของพ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ทุกคนคงรู้ดี ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการ สตง.และกรรมการคตส.มีการทำงานเป็นหมู่คณะไม่ใช่คนๆเดียว ดังนั้นความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่งคงไม่สามารถทำให้การตรวจสอบขาดความยุติธรรมได้ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของคนเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ นายนพดลอาจมีความรู้สึกของความเป็นส่วนตัวอยู่จึงเป็นสิ่งที่จะคิดได้ แต่คนอื่นไม่จำเป็นต้องคิดอย่างนั้น สำหรับตนซึ่งถูกบ่มมาจากสตง.ถือว่าความยุติธรรมเป็นใหญ่ ความถูกต้องชอบธรรมสำคัญที่สุด ปัจจุบันการตรวจสอบมิได้มีแค่พยานเอกสาร แต่ยังมีพยานบุคคล พยานแวดล้อม และได้นำความคิดเห็นของผู้ที่เป็นหลักของบ้านเมือง เช่น อดีตนายกฯ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่การเงิน การบัญชีระดับล่าง เราให้เกียรติในการแสดงความคิดเห็นของคนเหล่านี้เพื่อมาประมวลทั้งหมด

คุณหญิงจารุวรรณกล่าวว่า การตรวจสอบของคตส.จึงมั่นใจว่า แม้จะช้าแต่เราต้องการความถูกต้อง ถ้าเป็นอย่างที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์มันคงจบไปนานแล้วไม่ต้องคอยให้มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนทุกอย่าง แต่ยอมรับว่าการตรวจสอบในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะสื่อมวลชนก็คอยติดตามควบคุม และวิจารณ์คตส.อยู่ทุกวันว่า ทำงานช้า เป็นเต่าบ้าง แต่สำหรับตนเองแล้วช้าเป็นการ นานเป็นคุณ เพราะไม่ทำแบบซี้ซั้วตามความรู้สึกหรืออารมณ์ มันก็ต้องช้าหน่อยขอให้อดใจรอ สิ่งที่ออกมา คตส.ทุกคนมุ่งมั่นว่าเป็นการทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อส่วนตัว

"มั่นใจไม่สะเทือนภาพลักษณ์ คตส."


ส่วนเมื่อถามว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของนายนพดล เป็นการดิสเครคิตของคตส.หรือไม่ คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ไม่ทราบความรู้สึกของนายนพดล ก็ต้องไปถามเอาเองว่าพูดด้วยเหตุผลอะไร ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเองรู้ว่า ทำไมต้องพูดเช่นนั้น และมั่นใจว่า จะไม่กระเทือนภาพลักษณ์ของคตส. เพราะคตส.ก็ตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้และตามมาตรฐานวิชาชีพของแต่ละคน บางคนมาจากศาลก็ทำตามเกณฑ์มาตรฐานของศาล ตนมาจากสายบัญชีก็ทำตามเกณฑ์มาตรฐานของตนเอง ไม่มีใครลบล้างหรือครอบงำใครได้

ต่อข้อถามว่า นายนพดลระบุว่า ที่ผ่านมาคำสั่งของกรมสรรพากรและคตส.ค่อนข้างซ้ำซ้อนจนทำให้เกิดความสับสนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า หากใครไม่เข้าใจก็สอบถามมายังคตส.ได้ จะได้ร่วมกันหารือและชี้แจงต่อไปได้ แต่คิดว่าโดยคุณวุฒิและประสบการณ์ของนายนพดลคิดว่า เข้าใจดี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์