เขมรตั้งทหารบนวิหารผิดสัญญากรุงเฮก
"กษิต"เผยบรรยากาศหารือ"ปธ.อาเซียน"ฉลุย ชี้ทวิภาคีเป็นทางออกเดียวในการแก้ปัญหาเตรียมถก เจบีซี ปลายเดือนนี้ ปัดดึง UNSC ร่วมแก้ปัญหา “นายกฯ” เรียกประชุม “สมช.นัดพิเศษ” หารือใช้กลไก “สมช.” แก้ปมปะทะ “ไทย-เขมร” ยืนยัน ไม่ได้เรียกประชุมล่าช้า “ปท.” ไม่เสียประโยชน์ เพราะ แต่ละ “กระทรวง” ต่างมีหน้าที่และทำมาตลอด สุวิทย์ชี้กัมพูชาทำผิดสัญญาอนุสัญญากรุงเฮก ตั้งกองกำลังทหารบนปราสาทพระวิหาร
(8ก.พ.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือระหว่างนายมาร์ตี้ นาตาลากาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นเวลากว่า 40 นาที ว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาให้การสนับสนุนการเจรจาทวิภาคีต่อไป เนื่องจากเป็นทางออกที่ดีในขณะนี้ ซึ่งการที่ประธานอาเซียนมารับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นระหว่างไทย - กัมพูชา โดยอาเซียนพร้อมให้การสนับสนุนการเจรจาแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกของสองประเทศ เพื่อให้เกิดความเจริญมั่นคงไป
นายอาร์เอ็ม มาร์ตี้ เอ็ม นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า อินโดนีเซีย เป็นมิตรประเทศกับทั้งไทยและกัมพูชา จึงติดตามสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด เมื่อวาน (7 ก.พ.)ได้ไปเยือนกัมพูชา และได้พบกับ นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา และวันนี้ก็ได้พบกับ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยจากการที่ได้มารับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงและสัมผัสกับทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการประมวลข้อมูลต่างๆ แต่ในเบื้องต้นสามารถสรุปความรู้สึกของตนได้ 3 ประการ คือ 1.รู้สึกว่าทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ได้ประกาศความมุ่งมั่นในหลายโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และผ่านการเจรจา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและสะท้อนถึงความเป็นมิตรประเทศอาเซียน 2.การให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ความตกลงหยุดยิงมีผลอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งในการนี้ ทางอินโดนีเซียก็ตระหนักว่ามีการหารือกับฝ่ายไทยและกัมพูชา ซึ่งอินโดนีเซียก็พร้อมจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสื่อสารดังกล่าวด้วย เพราะรับทราบพัฒนาการต่างๆ
นายมาร์ตี้ กล่าวต่อไปว่า 3.การแก้ไขปัญหานั้นสำคัญที่สุด คือต้องอาศัยการเจรจาระดับทวิภาคี ในส่วนของอาเซียน และระหว่างประเทศ ก็น่าจะสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว เพราะในที่สุดแล้วการจะหาข้อยุติที่ยั่งยืน จะต้องเจรจาระดับทวิภาคี โดยอาเซียนจะเข้าไปสนับสนุนและสร้างบรรยากาศในการเจรจาในกรอบทวิภาคี
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ฝ่ายไทยได้ชี้แจงข้อมูลให้ รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ได้รับทราบ ซึ่งข้อมูลนี้ได้มีการเผยแพร่ให้รับทราบ โดยได้ตอกย้ำท่าทีของรัฐบาลไทยที่ได้แจ้งต่อมิตรประเทศและสหประชาชาติ ส่วนเรื่องการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทย - กัมพูชา ต้องอาศัยเวลาไม่ได้มีกรอบเวลาตั้งไว้ ซึ่งคิดว่าการเจรจาทวิภาคีก็จะเริ่มขึ้นจากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพุชา (เจบีซี) ซึ่งในวันเสาร์ที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา รมว.ต่างประเทศ ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายฮอร์ นัม ฮง แล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรจะจัดการประชุมในโอกาสแรก โดยมีไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดคร่าวๆ ว่าจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศการหารือระหว่างนายกษิต กับนายมาร์ตี้ เป็นอย่างไร นายธานี กล่าวว่า การหารือใช้เวลากว่า 40 นาที โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการหารือกันในแบบสองต่อสอง (4 eyes) และหารือกันต่อในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน เมื่อถามว่า ได้มีเอกสารแนบการชี้แจงกับนายมาร์ตี้ด้วยหรือไม่ นายธานี กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูต จากประเทศอาเซียนและประเทศสมาชิกคณะมนตรีถาวรความมั่นคง รวม 16 ประเทศแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งอินโดนีเซียเป็น 1 ในประเทศที่กระทรวงได้เชิญมาชี้แจง ซึ่งเชื่อว่าเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียได้รายงานต่อรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายกัมพูชาเตรียมจะส่งตัวแทนไปชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซี ทางฝ่ายไทยได้มีแผนเตรียมชี้แจงเช่นนี้หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า คณะทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้เป็นผู้ยื่นหนังสือชี้แจงสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ต่อยูเอ็นเอสซี ทั้ง 2 ฉบับ พร้อมทั้งได้ชี้แจงพูดคุยข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ยูเอ็นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นความจำเป็นในการยกระดับไปสู่การหารือระดับภูมิภาคและให้ยูเอ็นเอชซีเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหานี้
ครม.แต่งตั้ง"ชวนนท์"ที่ปรึกษาเจบีซี
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) โดยแต่งตั้งนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป
มาร์คถกสมช.นัดพิเศษแก้ปมไทย-เขมร
เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชารติ (สมช.) กล่าวถึงการเรียกประชุม สมช.นัดพิเศษ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระเกี่ยวกับสถานการณ์การปะทะกันที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซักซ้อมแนวทางการดำเนินการของส่วนราชกการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และอีกหลายหน่วยราชการที่มีส่วนในการบรรเทาปัญหา เพื่อให้แต่ละหน่วยดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ ส่วนที่ผ่านมาก็มีการสั่งการแล้วบ้างเหมือนกันแต่ครั้งนี้ นายกฯ ต้องการใช้กลไกของ สมช. ที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผบ.เหล่าทัพ และผบ.สูงสุด ที่จะช่วยในการพิจารณาตกลงใจในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางประสานการทำงานร่วมกัน
“ การเรียกประชุมนัดพิเศษในครั้งนี้ ไม่ถือว่าช้าเกินไป เพราะเรื่องต่างๆไม่ใช่ว่าที่ทางผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการอะไร กระทรวงที่มีหน้าที่ก็ดำเนินการมาตลอด ยืนยันว่าไม่ช้า ประเทศไม่เสียประโยชน์ และยืนยันได้ว่าส่วนราชการต่างๆจะดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างดีที่สุด ในการประชุมครม. ทางรมว.กลาโหม ก็ได้รายงานเกี่ยวการเกิดเหตุการณ์การปะทะกันที่เกิดขึ้นให้ครม.ได้รับทราบแล้ว เพื่อที่หน่วยงานจะได้ไปปฏิบัติได้ถูกต้อง และวันนี้จะไม่มีการพูดเรื่องการปฏิวัติ เพราะจากที่ได้พูดคุยกับรมว.กลาโหม ท่านบอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล” เลขาฯสมช. กล่าว
สุวิทย์ชี้กัมพูชาทำผิดสัญญาอนุสัญญากรุงเฮก
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เขาได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกรณีปราสาทเขา พระวิหาร ซึ่งได้ประชุมร่วมกันหลายฝ่าย โดยที่ประชุมได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศ เร่งจัดทำข้อเสนอไปยังคณะกรรมการมรดกโลก ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( ยูเนสโก) เพื่อชี้แจงกรณีกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญากรุงเฮก ที่ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า พื้นที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ห้ามนำไปใช้เป็นพื้นที่ทางการทหาร หรือใช้ เป็นโล่ในการปกป้องกำลังทางทหาร ซึ่งถือว่ากัมพูชาทำผิดข้อกำหนดดังกล่าวชัดเจน
"เนื่องจากพื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้ว จึงห้ามใช้โบราณสถานมาเป็นพื้นที่ในการตั้งกำลังทหาร แต่กัมพูชา ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นตั้งกองกำลังทหาร ซึ่งผิดอนุสัญญาแน่นอน " นายสุวิทย์ กล่าวและว่า
ส่วนการจัดประชุม คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ของไทยนั้นได้เตรียมประชุมเร็วๆนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ที่บาเรนห์ ในเดือนมิถุนายน นี้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการมรดกโลกของไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการมรดกโลกของไทย เตรียมจัดทำ วาระ และท่าทีเกี่ยวกับกรณีปัญหามรดกโลกพระวิหาร เพื่อเสนอให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมรดกโลกของไทย เร่งพิจารณากำหนดจุดยืนของประเทศไทย และเสนอไปยังสำ นักงานเลขาคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดความขัดแย้ง และสงครามบริเวณชาย แดนไทย – กัมพูชา จากกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแล้ว ที่สำคัญยังพบมีข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบกับไทย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นจึงต้องเร่งหาข้อโต้แย้งไปยังมรดกโลกของยูเนสโก เพื่อตอบโต้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ส.ว.ชี้ฝ่ายไทยยังตามไม่ทันผู้นำกัมพูชา
พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ ส.ว.สรรหา อดีตประธานคณะกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภา และอดีตผบ.สส. กล่าวถึงปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาจนส่งผลให้มีการใช้กำลังปะทะกัน ว่า ที่ผ่านมาการวิเคราะห์ในส่วนฝ่ายไทยถึงความต้องการของผู้นำกัมพูชา ก็เห็นชัดเจนว่า กัมพูชาต้องการอะไร แต่ฝ่ายไทยก็ยังตามไม่ทัน บางเรื่องไม่น่าจะเป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่อง ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - กัมพูชาว่าด้วยการจัดทำเขตแดนทางบก ปี 2543 (เอ็มโอยู 43 ) ข้อ 5 ก็ระบุว่า ห้าม 2 ประเทศดัดแปลงพื้นที่ที่ยังไม่มีการตกลงหลักเขตแดนกัน แต่กัมพูชาก็ละเมิดมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนน ที่หมู่บ้านโกมุย ขึ้นมาทางขึ้นปราสาทพระวิหาร รวมถึงสร้างกระเช้าลอยฟ้า ที่ภูมะเขือขึ้นปราสาทพระวิหาร โดยทางการไทยได้แต่ทำการทักท้วงด้วยกระดาษแผ่นเดียวมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ แต่ล่าสุดเหตุการณ์ที่ปะทะกันวันที่ 4 ก.พ. ทางการข่าวที่ตนได้รับรายงานมาซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยระบุว่า ทางไทยได้ปรับปรุงถนนบริเวณพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าละเมิดเอ็มโอยู 43 นิดหน่อย โดยฝ่ายกัมพูชาก็เข้ามาห้าม แต่ไทยไม่หยุด ก็เลยเกิดการปะทะกันขึ้น ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนยิงก่อน
“นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากปัญหาภายในประเทศ ที่มีความคิดเห็นต่างกัน ประเทศไม่เป็นเอกภาพ ขณะที่ความต้องการของผู้นำกัมพูชาเราก็รู้อยู่ว่าเขาต้องการนำเรื่องขัดแย้งขึ้นสู่เวทีนานาชาติ แต่เราพยายามบอกว่า ต้องการจัดการปัญหาด้วยทวิภาคี เนื่องจากไทยไม่มั่นใจว่า นานาชาติจะเอียงไปเข้าข้างฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ เราจึงไม่ยอมรับการช่วยเหลือ แต่มันจะลำบากตรงที่สายตาคนต่างชาติจะมองไทยว่า ทำไมไทยไม่ยอมให้นานาชาติเข้าช่วย แล้วจะถูกถามกลับว่า ถ้าแก้ปัญหาระดับทวิภาคีได้ ทำไมถึงไม่ได้ผลสักที ไทยต้องตอบคำถามตรงนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นไทยจะถูกมองว่าเป็นเด็กดื้อ เด็กเกเร และจะตกที่นั่งลำบาก ” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับท่าทีฝ่ายไทยและการดำเนินการตอบโต้ อยู่ในขั้นที่ใช้ได้แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อวุฒิสภาในการประชุมลับเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ถือว่า ครอบคลุมทุกเรื่อง แต่ตนยังติดใจว่า น่าจะนำประเด็นที่กัมพูชาพยายามโจมตีทางฝั่งไทยด้วยการยิงอาวุธหนักเข้ามาในชุมชนชาวบ้าน ซึ่งทางการทหารไม่ควรใช้วิธีนี้ ถือเป็นการจงใจยิงเข้าใส่ชุมชนหรือไม่ ไทยควรเปิดประเด็นนี้ให้ต่างชาติรับทราบ ส่วนเหตุปะทะขณะนี้ตนมองว่าเริ่มทุเลาขึ้นตามลำดับ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดความสูญเสีย
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday