รวมใหญ่ 10 ธันวาคม ท้าทาย!!! ...ระบอบลูกป๋าอุปถัมภ์

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ว่า อาจมีรายการท้าทายความมั่นคงของระบอบการเมืองที่มีป๋าและบรรดาลูกป๋า เป็นผู้อุปถัมภ์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาจากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มต้านรัฐประหาร 19 กันยายน รวมถึงพวกคลื่นใต้น้ำที่คนใน คมช.ไม่กล้าเลิกกฎอัยการศึกทั้งประเทศ

ชื่อของ นายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญ กลายเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ พร้อมทั้งสร้างกระแสการปลุกระดมพลเพื่อชุมนุมทางการเมือง ในวันที่ 10 ธันวาคม ให้กระหึ่มแรงขึ้นมา

ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้มีการพาดพิงถึงคนในรัฐบาลทักษิณหลายคน อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ และ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา เพื่อโยงไปถึงความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลสุรยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นม็อบโคนมในหลายจังหวัดภาคอีสาน และยังจะมีม็อบเรียกร้องเรื่องราคาข้าวซึ่งมีนายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ กับนายคำตา แคนบุญจันทร์ ที่เป็นแกนนำคาราวานคนจนร่วมเคลื่อนไหว และยังมีอีกสารพัดม็อบที่จะก่อกวนรัฐบาลใหม่ เช่น เรื่องมันสำปะหลังที่นครราชสีมา เรื่องเครือข่ายหนี้สินชาวนาที่สุรินทร์

ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกโรงสมทบว่า นายเนวิน เป็นผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับนายสุดชาย บุญชัย สมาชิกของกลุ่ม เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จนเป็นเรื่องเป็นราวที่ต้องไปต่อสู้กันในศาล

"ดีเหมือนกัน เราจะได้รู้กันสักทีว่า คุณเนวินมีแผลขนาดไหน เพราะมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการชุมนุมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมยังมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรงอีกด้วย การจะมาโหนกระแสพลังบริสุทธิ์ของการชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคม เพื่อให้เกิดความรุนแรงนั้น ผมในฐานะแกนนำของการชุมนุมคนหนึ่งยอมไม่ได้" นายชนาพันธ์กล่าว

การออกมาเปิดโปงขบวนการคลื่นใต้น้ำของนายชนาพัทธ์ ก่อนการชุมนุมใหญ่วันที่ 10 ธันวาคม มีปมเงื่อนที่น่าสนใจ

ในช่วงเวลาเดียวกัน คนใน คมช.เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เคลื่อนไหวมีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ บางกรวย-เตาปูน จ่ายหัวละ 300-500 บาท ซึ่งกลุ่มนี้เคยร่วมกับกลุ่มคาราวานคนจนชูป้ายให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

กลุ่มที่ 2 ชุมชนคลองเตย-กล้วยน้ำไท จ่ายเงินหัวละ 300-500 บาท เคยไปชุมนุมร่วมกับคาราวานคนจนที่จตุจักรเช่นกัน และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ปิดล้อมหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มแท็กซี่ จ่ายให้คันละ 1,000-2,000 บาท นัดรับเงินหลังสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี หมอชิต ร่วมกับกลุ่มรถตู้ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นไปว่า ที่ผ่านมาคลื่นใต้น้ำมีการเคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ ล่อๆ มาโดยตลอด นับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน อย่างที่รัฐบาลรับฟังข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองมาโดยตลอด

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.กล่าวว่า อยากฝากถึงผู้ที่ต่อต้าน ต้องคำนึงถึงว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่ ต่อต้านในสิ่งที่ถูกหรือเปล่า ทำไมไม่ต่อต้านในสิ่งที่เลว พูดตรงๆ มวลชนต่างๆ ที่มาเพราะเขามีแรงจูงใจบางอย่าง

พล.อ.สพรั่งตอบคำถามเรื่องคลื่นใต้น้ำไว้อย่างน่าสนใจว่า ในต่างจังหวัดยังมีความพยายามบางจุด จังหวัดใดที่จะเคลื่อนไหว เขาก็ชั่งใจอยู่ว่า คมช.จะเอาจริงหรือไม่

"เราไม่อยากใช้คำว่าเราเอาจริง เราทำตามหน้าที่ ความสงบเรียบร้อยต้องมาก่อน และคนที่คิดต่อต้านโดยใช้อำนาจเก่าๆ วิธีเก่าๆ บอกได้เลยว่าไม่สำเร็จ เพราะเราไม่ได้เข้ามาในลักษณะของการแทรกแซงเพื่อยุติวิกฤตการณ์ทางการเมือง แต่เกิดจากจริยธรรม ไม่ใช่เกิดจากที่เราเสียประโยชน์หรือความไม่พอใจผู้นำทางการเมือง" ลูกป๋าผู้กล้าแกร่งกล่าว

แต่อีกด้านหนึ่งของกระแสสังคม ความเคลื่อนไหวของปัญญาชนสยามที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ และไม่เห็นด้วยกับระบอบลูกป๋าอุปถัมภ์แบบเผด็จการโดยธรรม ก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย

อาจารย์ประภาส ปิ่นตกแต่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า "...ไม่มีใครยอมสวามิภักดิ์แบบถวายชีวิตเพื่อระบอบที่แล้ว"

"จริงๆ แล้วควรจะเลิกกฎอัยการศึกไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่ยกเลิกเฉพาะบางจังหวัดที่ไม่มีคลื่นใต้น้ำ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายเลย...ไม่มีชาวบ้านที่ไหนผูกพันกับประชานิยมของระบอบทักษิณมากขนาดนั้น รวมทั้งนักการเมืองก็ไม่ได้ยึดโยงกับไทยรักไทยขนาดนั้น ผมไม่เชื่อว่าใครจะไประดมชาวบ้านมาต่อต้านคณะรัฐประหารได้"

ล่าสุดโหราจารย์ที่ใกล้ชิด คมช.บางคนทำนายว่า ดวงบ้านเมืองตกต่ำสุดระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม 2550