มทภ.1 นัด หน.ส่วนราชการถกแผนรับมือม็อบต้าน คมช.วันนี้

มทภ.1 นัด หน.ส่วนราชการถกแผนรับมือม็อบต้าน คมช.วันนี้

พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2549 01:46 น.

แม่ทัพภาคที่ 1 เรียกหัวหน้าส่วนราชการถกปัญหาเตรียมมาตรการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน คมช.วันที่ 10 ธ.ค.นี้ เชื่อ ตัวเลขคนเข้าร่วมมีไม่มากตามที่เป็นข่าว ท้าสกัดม็อบเคลื่อนเข้าเมืองหลวง ชี้ ถ้าทุกคนรัก ในหลวง ทุกอย่างจบ

พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ว่า

ขณะนี้เท่าที่ได้รับรายงานจากด้านการข่าวยังไม่พบคลื่นใต้น้ำกลุ่มใดเคลื่อนไหว ถือว่าขณะนี้ยังเงียบอยู่ ส่วนกรณีที่จะมีผู้มาร่วมชุมนุมจำนวนมากในวันที่ 10 ธ.ค.นั้น ขณะนี้ทางด้านการข่าวยังไม่ได้รายงานว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมามากตามที่เป็นข่าว และขณะนี้ทางต่างจังหวัดยังสงบเรียบร้อยดีไม่มีอะไร อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่พบสถานการณ์ที่จะส่อไปในความรุนแรงแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชนาพัทธ์ ณ นคร แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า จะมีผู้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ 30,000 คน พล.ท.ประยุทธ์ ตอบว่า ต้องรอดูเขาว่าจะมามากเท่าใด และเขาจะดูแล เลี้ยงดูกันอย่างไร และอยู่ตรงไหน แต่จากเงื่อนไขต่างๆ ไม่น่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมถึง 30,000 คนได้ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับสั่งให้สามัคคีแล้ว คาดว่า คงจะไม่มีปัญหาอะไร และถ้าทุกคนรักในหลวงทุกอย่างก็จบ และปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า นายชนาพัทธ์ ออกมาท้าทายว่า อยากให้ คมช.ออกมาสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนเข้ากรุงเทพฯในวันที่ 10 ธ.ค.

พล.ท.ประยุทธ์ ตอบว่า ปล่อยให้เขามา และปล่อยให้เขาท้าไป เพราะเราไม่รับคำท้าของเขาอยู่แล้ว และจะทำตามหน้าที่ของเราต่อไป ทั้งนี้ เหตุการณ์ในวันที่ 10 ธ.ค.ทางกองทัพภาคที่ 1 ไม่มีการวางกำลังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าหากใครทำผิดกฎหมายจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับอยู่แล้ว ซึ่งทหารพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการร้องขอกำลังมา

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ ( 7 ธ.ค.) กองทัพภาคที่ 1 จะจัดการประชุมประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ครั้งที่ 1 เพื่อให้หน่วยบังคับบัญชาส่วนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้พูดคุย ร่วมมือกันทำงานเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงมากขึ้น และทำให้บ้านเมืองมีความรักความสามัคคีตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้จะมีการประชุมกันเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ การเรียกประชุมครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเตรียมการเพื่อรับมือสถานการณ์ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แต่อย่างใด

แม่ทัพภาค เรียกผู้ว่าเข้าพบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ พล.ท.ประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดเขตปริมณฑล ผู้อำนวยการเขตกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.นายก อบจ.ประธาน อบต.ประธาน อบจ.) สัสดีจังหวัด 5 จังหวัดเขตปริมณฑล สัสดีเขตกรุงเทพมหานคร เข้าประชุมประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมหัวหน้าส่วนราชการดังกล่าวในกรุงเทพมหานครนี้ มีขึ้นก่อนจะมีการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้

ซึ่งผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ กทม.รวมถึงสัสดีในเขต กทม.และปริมณฑล จะมีข้อมูลพื้นฐานประชากรครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอต่างๆ เพื่อจะได้นำไปเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่เข้ามาพักอาศัยในพื้นที่รอบนอกที่มีจำนวนมากผิดปกติในช่วงนี้ นอกจากนั้น ในเขตปริมณฑลยังเป็นประตูจากภาคต่างๆ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางเข้ามาใน กทม.ได้ และจะได้รับทราบข้อมูลการเคลื่อนไหวของกลุ่มชุมนุมที่จะแทรกซึมเข้ามาในลักษณะของ กองทัพมด ที่ต่างคนต่างมา เพื่อมีเป้าหมายเพื่อเข้ามารวมตัว ณ จุดนัดหมายที่ท้องสนามหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ ทางกองทัพภาคที่ 1 ได้เสนอข้อมูลไปยัง คมช.

เพื่อส่งไปยังรัฐบาลให้พิจารณาคงกฎอัยการศึกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความไม่สงบที่สืบเนื่องจากการชุมนุม แต่ ครม.ไม่เห็นชอบตามข้อเสนอและให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ดังกล่าว ทางกองทัพภาคที่ 1 จึงได้เตรียมมาตรการรองรับ อีกทั้งได้เสนอใช้แผนปฐพี 149 ระดับที่ 1 ในการป้องกันจุดศูนย์ดุล บริเวณเขตพระราชฐาน สถานที่ราชการ เป็นต้น และจะปรับความเข้มข้นขึ้นโดยให้ทหารออกมารักษาความสงบฯ หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงและตำรวจรับมือไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีพระบรมราชโองการฯยกเลิกเขตประกาศกฎอัยการศึกตามที่ ครม.นำขึ้นทูลเกล้าฯ ทหารจึงมีกฎหมายในการรองรับการปฏิบัติหน้าที่ แต่หากมีพระบรมโองการโปรดเกล้าฯยกเลิกกฎอัยการศึกลงมา นายกรัฐมนตรี สามารถใช้อำนาจตามพระราชกำหนดบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศภาวะฉุกเฉินในการให้ทหารเข้ารักษาความสงบฯได้เช่นกัน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์