ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มกราคม ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และภรรยา นพ.เหวง โตจิราการ 1 ในแกนนำ นปช. พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทีมทนายความ นปช.เข้าพบแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน เพื่อนำเอกสารคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวมาให้แกนนำทั้ง 7 คนลงนาม
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางธิดาและนายนรินทร์พงศ์
เข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช. ที่ตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 3 ล้านบาท รวม 21 ล้านบาท และสำเนายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล หนังสือสำเนาคำแนะนำของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และสำเนาคำแนะนำของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่ให้เขียนคำร้องขอปล่อยตัว 7 แกนนำ ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 50 คนติดตามมาให้กำลังใจด้วย
ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลได้พิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่าศาลอุทธรณ์เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาก่อน โดยระบุเหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
สำหรับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ระบุว่า ก่อนหน้านี้ที่จำเลยที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8 และ 10 รวม 7 คน
เป็นผู้ต้องหาได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวซึ่งศาลไม่อนุญาต จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ศาลก็ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลเป็นทำนองเดียวกันว่า ข้อหาตามคำร้องมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงจะหลบหนี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2553 จำเลยทั้ง 7 คน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลว่ากรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
อย่างไรก็ดี ขณะนี้จำเลยทั้ง 7 คนเห็นว่า เวลานี้สถานการณ์ของประเทศไทยดีขึ้นกว่าเดิม จึงยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว
โดยมีเหตุผล คือ 1.สถานการณ์ภายในประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ ดังจะเห็นได้จาก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ขณะนี้ทุกฝ่ายในประเทศรวมทั้งนานาชาติได้เรียกร้องให้มีการปรองดอง เพื่อคืนความสงบสันติสุขให้กับสังคม เห็นได้จากรัฐบาลได้ตั้ง คอป.ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากทุกฝ่าย เพื่อให้สาธารณชนได้ทราบ เพื่อนำไปสู่แผนและวิธีการปรองดองแห่งชาติ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 7 คนก็จะไม่หลบหนี
ด้านนายนรินทร์พงศ์กล่าวว่า น้อมรับคำสั่งศาล
โดยช่วงเช้าวันที่ 5 มกราคม จะเดินทางไปพบแกนนำทั้ง 7 คนที่เรือนจำพิเศษฯพร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ศาลยกคำร้องและหารือเรื่องการอุทธรณ์ หากจะอุทธรณ์ต้องดำเนินการภายใน 15 วันโดยการอุทธรณ์จะให้เหตุผลเช่นเดียวกับระบุไว้ในคำร้องของศาลชั้นต้น เพราะว่าเหตุผลที่ประกอบคำร้องในครั้งนี้ได้ชี้แจงไว้ครบถ้วนแล้ว ถือว่าเป็นเหตุผลใหม่
นางธิดากล่าวยืนยันว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว แต่ไม่มีผลกระทบต่อการจัดชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 มกราคมนี้ เพราะเป็นคนละกรณีกัน การชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวแกนนำและต้องการให้เกิดความยุติธรรม
ทั้งนี้ ในส่วนที่นายภูมิกิติ หรือ พิเชษฐ์ สุจินดาทอง อายุ 53 ปี แนวร่วม นปช.จำเลยที่ 11 คดีร่วมกับแกนนำ นปช. ก่อการร้าย
ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกันตัวไปก่อนหน้านี้นั้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแจ้งให้ศาลอาญา ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริง เนื่องจากจำเลยที่ 11 อ้างในคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวว่าเป็นโรคหัวใจด้วย