เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการปรับโครงสร้างใหม่ ดีเอสไอ ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพิ่มอัตรากำลัง 300 ตำแหน่งว่า
นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับตำแหน่ง 300 อัตรา ในส่วน 240 อัตราจะรับโอนจากหน่วยราชการต่าง ๆ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน และ 60 อัตรา จะเปิดสอบเพื่อรับบุคลากรที่เป็นเลือดใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสังคมไทยอยู่ในระบบอุปถัมภ์ จึงเลี่ยงความจริงเรื่องเด็กฝากไปไม่ได้ แต่การพิจารณาคุณสมบัติจะอยู่ในเกณฑ์เดียวกัน คือต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เบื้องต้นเท่าที่พิจารณาจากประวัติการทำงาน จากผู้ที่มีความประสงค์จะโอนย้ายมาดีเอสไอกว่า 1,000 คน พบว่าหลายคนมีประวัติการทำงานที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม กรณีเด็กฝากถือว่ามีจำนวนน้อยมาก แม้กระทั่ง รมว.ยุติธรรม เองก็ไม่เคยฝากเด็กเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการดำเนินการของ ดีเอสไอนับตั้งแต่ปี 2547 มีจำนวนคดีพิเศษรวมทั้งสิ้น 1,059 คดี แยกเป็นคดีที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 596 คดี และอยู่ระหว่างดำเนินการ 463 คดี โดยในปี 2553 พบว่ามีคดีพิเศษสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 10 คดี อาทิ คดีการทุจริตนมโรงเรียนตามโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คดีทุจริตแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/2552 จังหวัดลพบุรี คดีการก่อการร้าย การขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการ ใด ๆ การทำร้ายประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ การกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์อันเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อ ต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร กรณีกล่าวหาว่ากลุ่มบุคคลกระทำการหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท เป็นต้น