ส่วนความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองนั้น วันที่ 30 พ.ย. เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการรัฐธรรมนูญนำโดยนายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการวิธีพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้พิจารณายุบ 5 พรรคการเมืองให้คู่กรณีได้รับทราบ ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแผ่นดินไทย ให้กับอัยการสูงสุดที่นำโดยนายอรรถพล ใหญ่สว่าง พรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯในฐานะหัวหน้าทีม และแกนนำพรรคอีกกว่า 20 คน พรรคไทยรักไทยนำโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรคและทนายความรวม 7 คน นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย นายบุญบารมีภณ ชิณราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย นางอิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า
ศาลรัฐธรรมนูฐ..แจงยุบ5 พรรค
จำแนกคดีความเป็น 2 กลุ่ม
ด้านนายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ ทำหน้าที่ชี้แจงในที่ประชุมแทนคณะตุลาการว่า หลังคณะตุลาการได้รับโอนคดีที่อัยการสูงสุดขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคการเมืองมาจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่าทั้ง 5 คดี มีส่วนเกี่ยวเนื่องกันจึงได้มีการแบ่งคดีออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกอัยการสูงสุดกล่าวหาว่า พรรคไทยรักไทยจ่ายเงินให้กับพรรคพัฒนาชาติไทย และแผ่นดินไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องให้ได้คะแนนในเขตเลือกไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวหาว่าพรรคพัฒนาชาติไทยได้มีการดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงรายชื่อสมาชิกในระบบฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค การเมืองเพื่อให้มีสิทธิ์ได้ลงรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีเดียวกัน สำหรับกลุ่มที่ 2 เกี่ยวเนื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยอัยการสูงสุดกล่าวหาว่านายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนรู้เห็น ให้การสนับสนุนนายทัศนัย กี่สุ้น อดีตผู้ช่วยของนายสาทิตย์ ให้นำ น.ส.นิภา จันโท นางรัชนู ต่างสี ไปสมัครลงรับเลือกตั้งนามพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีที่ 2
....บีบยื่นพยานหลักฐาน 12 ธ.ค
นายสมชายกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปทั้งอัยการสูงสุด และผู้แทนของทั้ง 5 พรรคการเมือง จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานหลักฐาน พร้อมกับแสดงเหตุผลความจำเป็นในการยื่นพยาน และชี้แจงถึงวิธีการได้มาของพยานดังกล่าว โดยคณะตุลาการฯเห็นสมควรให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานภายในวันที่ 12 ธ.ค. 49 และกำหนดให้มีการตรวจพยานหลักฐานก่อนการไต่สวน โดยในวันตรวจพยานหลักฐาน คณะตุลาการฯจะมีการสอบถามคู่กรณีว่ารับได้กับพยานหลักฐานเอกสารของแต่ละฝ่ายหรือไม่ และจะกำหนดว่าจะมีการอนุญาตให้มีการไต่สวนพยานกี่ปาก ปากใดบ้าง ระยะเวลาการ ไต่สวนของแต่ฝ่าย ฝ่ายละเท่าใด ทั้งนี้ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 กลุ่มคดี โดยกลุ่มคดียุบพรรค ไทยรักไทย พัฒนาชาติไทย และแผ่นดินไทย ในวันที่ 3 ม.ค. 50 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มนี้ทุกวันอังคาร เวลา 10.00 น. โดยนัดแรกในวันที่ 16 ม.ค. 50 ส่วนกลุ่มคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 4 ม.ค. 50 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มที่ 2 ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. โดยนัดแรก ในวันที่ 18 ม.ค. 50
เปิดโอกาสให้คู่กรณีซักถาม..........
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นคณะตุลาการฯได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีซักถามในประเด็นที่สงสัย ซึ่งนายพงศ์เทพได้ขอให้ศาลเลื่อนระยะเวลาการยื่นบัญชีระบุพยานและการนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป โดยอ้างว่าระยะเวลาที่กำหนดกระชั้นชิดและใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ การตามพยานทำได้ลำบาก และอยากทราบว่าคู่กรณีสามารถแถลงเปิดคดีด้วยวาจาได้หรือไม่ ขณะที่นายชวนสอบถามว่า จะให้ผู้ที่พรรคมอบหมายให้ดูแลในแต่ละประเด็นที่พรรคถูกร้องให้ยุบ รวม 4 ประเด็น เป็นผู้ที่ชี้แจงและสามารถซักค้านพยานได้ จะสามารถทำได้หรือไม่ คณะตุลาการฯได้หารือกัน 15 นาที โดย ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ระบุว่าคณะตุลาการเห็นว่า ระยะเวลาที่กำหนดให้มีการยื่นบัญชีพยานบุคคลในวันที่ 12 ธ.ค. 49 เหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน และพรรคอื่นก็ไม่ได้ขัดข้องในการที่จะยื่นบัญชีในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนเรื่องการแถลงเปิดคดีนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องให้เป็นลายลักษณ์อักษร สำหรับการซักค้านพยานนั้นสามารถให้ผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็นเป็นผู้ซักค้านได้ แต่ทั้งนี้การกระทำต้องไม่ให้เกิดความยืดเยื้อ
พงศ์เทพ ครวญหนักใจหาพยาน
นายพงศ์เทพให้สัมภาษณ์ว่า การที่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนวันระบุบัญชีพยานตามที่ร้องขอ ทางพรรคก็ต้องทำงานหนักขึ้นในการติดตามพยาน เพื่อมานำสืบ เพราะมีจำนวนมาก ส่วนในข้อกำหนดที่ให้คู่กรณีสามารถเบิกความพยานผ่านระบบการประชุมทางไกลได้ โดยต้องแจ้งให้คณะตุลาการทราบก่อน 10 วันนั้น พรรคฯ ก็จะเลือกเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ขณะนี้อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ ส่วนที่มีข่าวว่ามีการตั้งธงที่จะยุบพรรคไทยรักไทยไว้ก่อนแล้วนั้น คิดว่าเป็นการพูดกันของบุคคลอื่น ไม่ใช่ ตุลาการรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคณะตุลาการจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้และไม่ถูกชี้นำจากใครทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนเคยเป็นตุลาการศาลปกครอง และศาลฎีกามาก่อน อย่างไรก็ตาม พรรคได้เตรียมพยานบุคคลไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางคนถูกระบุ และถูกอ้างว่ารู้เห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคที่ยังถือเป็นพยานบุคคลสำคัญที่จะต้องขึ้นเบิกความ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นวันใด
ชวน ย้ำไร้ปัญหาพร้อมชี้แจง
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าผู้ว่าคดียุบพรรค กล่าวว่า เรื่องกรอบเวลาในการพิจารณาคดีนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหา เมื่อศาลให้ยื่นบัญชีพยานและเอกสารหลักฐานใหม่ก็พร้อมจะทำตาม และในขณะนี้จะต้องทำให้ไปเป็นไปตามกระบวนการของศาล ส่วนพยานบุคคลที่จะนำมาชี้แจงนั้น ถ้านำมาเองไม่มีปัญหา หากเป็นพยานศาลก็ต้องขอให้ศาลออกหมายเรียกให้ ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คณะตุลาการฯ จะสามารถพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ได้เร็ว และคิดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ. 50 เพราะขนาดพรรคไทยรักไทยขอเลื่อนเวลายื่นบัญชีพยาน ศาลยังไม่อนุญาตให้ ในขณะที่พรรคอื่นพร้อมหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพรรคไทยรักไทยไม่พร้อมและประวิงเวลาในการพิจารณาคดีนั้น ศาลคงจะไม่ยินยอม
พรรคไทยรักไทยมากันแค่ 6-7 คน .........
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังการรับฟังการชี้แจงของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อดีต ส.ส.ของพรรค ประชาธิปัตย์หลายคนได้เดินเข้าไปทักทายกับทีมงานของพรรคไทยรักไทย โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แซวพรรคไทยรักไทยว่า พรรคไทยรักไทยมากันแค่ 6-7 คน เพราะที่เหลือเขาลาออกไปหมดแล้วละสิ เคยได้เห็นแต่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยให้สัมภาษณ์ทุกวัน ทั้งๆที่ความจริงไม่มีอะไร แต่วันนี้ได้ทำงานจริงซะที ทำให้นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทำงานด้านกฎหมายไทยรักไทยและคนอื่นๆได้แต่ยิ้มตอบหน้าเจื่อนๆ ในขณะที่นายพงศ์เทพได้ตอบสวนคำถามที่ว่า ยกแรกพรรคไทยรักไทยก็แพ้แล้ว ว่าไม่ถือว่าแพ้อะไร แต่เป็นการทำงานให้ดีที่สุดตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนด
บิ๊กจิ๋ว ค้านยุบพรรคการเมือง
ด้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการยุบพรรคการเมือง ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยุบพรรคการเมือง เพราะการเมืองเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้มีการต่อสู้ในแนวทางสันติ ถ้ายุบพรรค การเมือง ก็จะเป็นการทำลายแนวทางที่สันติ และทำให้ สังคมเกิดความเปลี่ยนแปลง นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง หากคนมาเล่นการเมืองแล้วทำความผิดอย่างไร ก็ให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคก็ต้องดูให้รอบคอบ อย่างกรณีปัญหาทางภาคใต้ เมื่อไม่มีนักการเมือง ก็ทำให้ ประชาชนไม่เห็นความสำคัญของระบบรัฐสภา และเขาก็จำเป็นจะต้องลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเอง