เส้นทางพลเอกสุรยุทธ์(1)

ถึงแม้นว่าโดยบุคลิกลีลาระหว่างพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตองคมนตรีและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานองคมนตรีในปัจจุบัน...จะมีอะไรที่คล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ต้นในฐานะความเป็น ป๋า กับ ลูกป๋า มาโดยตลอด...แต่ถ้าหากมองลึกลงไปในรายละเอียดถึงเส้นทางการเติบโตของทั้งคู่...ก็น่าจะมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร???

สำหรับ ป๋าเปรม นั้น...ถึงแม้นว่าโดยลีลาจะพับเพียบเรียบร้อย สมถะ สันโดษมาตั้งแต่เป็นผู้บังคับหน่วยทหารม้า สามารถนั่งกินข้าวคนเดียวตั้งแต่หนุ่มไปจนชราภาพอยู่ในทุกวันนี้ แต่ก็แปลก!!!...ที่บรรดาผู้ซึ่งมีโอกาสใกล้ชิดคบหากันเป็นเพื่อนฝูง มิตรสหาย ในระดับตายแทนกันได้นั้น...กลับเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายเอามากๆ ขนาดประเภทที่เป็น ฝ่ายบู๊ ล้างผลาญอย่างพลตรี สุตสาย หัสดิน เจ้าพ่อกระทิงแดงในอดีต ที่เคยมีประวัติคลุกคลีอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้กับสุรานารี ไปจนถึงการสูบบุหรี่กันแบบมวนต่อมวน...ก็กลับกลายเป็น เพื่อนซี้ ของ ป๋าเปรม ในชนิดที่ใครต่อใครต่างมึนงงกับสัมพันธภาพเหล่านี้กันไม่น้อย...แต่ในขณะเดียวกัน...เพื่อนฝูงที่เรียบร้อยออกไปทาง ฝ่ายบุ๋น เต็มร้อย ก็มีอยู่เยอะแยะ และยังคงเกาะติดเป็นมิตรสหายกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

นอกเหนือไปจากนั้น...เส้นทางการเติบโตของ ป๋าเปรม ก็ยังเต็มไปด้วย ลูกน้อง จำนวนมากมาย แม้กระทั่งในบรรดาลูกน้องจะแยกตัวออกมาเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นทั้ง ยังเตอร์ก กับเป็นทั้ง ทหารประชาธิปไตย แต่ทั้งสองฝ่ายที่เห็นแตกต่างกันในคนละแนวทาง กลับยอมรับสภาพความเป็นลูกน้อง หรือให้การสนับสนุน ป๋าเปรม อย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันมาด้วยกันทั้งคู่ ในขณะที่ มนูญ-จำลอง นั้นเอาบ่าเข้าแบกรับบทบาทการก้าวขึ้นมาจากตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 มาสู่การเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีกลาโหม และนายกรัฐมนตรีในแต่ละขั้นแต่ละตอน บิ๊กจิ๋ว และ แม่ทัพหาญ ก็คอยช่วยประคับประคองไม่ให้ป๋าต้องถูกแรงกดดันจากลูกๆ ที่อาจจะมีแนวทาง สวิง ไปในด้านใดด้านหนึ่ง...ฯลฯ หรือทำให้เส้นทางชีวิตของ ป๋าเปรม นั้นแทบไม่เคยขาดลูกน้อง เต็มไปด้วยใครต่อใครที่ต่างก็เคยเป็น ลูกป๋า มาตั้งแต่อดีตจนแม้กระทั่งในขณะนี้...

ยิ่งไปกว่านั้น...แม้นว่าจะเติบโตมาจาก ทหารบ้านนอก และเผอิญเกิดกรณี บุญหล่นทับใส่หัวแม่เท้า ชักเท้าหลบไม่ทัน จนต้องกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่จะเป็นด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่ชาติปางก่อน หรือจะเป็นเพราะความหลากหลายในการคบหาผู้คน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแฉกหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้??? คณะบุคคล ทีมงาน หรือผู้ใกล้ชิดที่คอยให้คำแนะนำปรึกษา ป๋าเปรม มาในแต่ละระยะนั้น...ต้องเรียกว่าไม่เคยขาดและล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยพวกมือดีๆ พวกหัวกระเด็นที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องราวเฉพาะๆ แต่ละกรณีกันมากมายมหาศาล แค่บรรดาทีมคณะที่ปรึกษาที่มอบหมายให้อยู่ภายใต้การดูแลของพลเอก สัณห์ จิตรปฏิมา อดีตรองผู้บัญชาการทหารบกในยุคแรกๆ...ก็เรียกว่า ยกเอามหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาเป็นรองรับราชรถที่มาเกยหัวบันไดบ้านของป๋า...ชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรกันมากมาย รอแค่ตัดสินใจลูกเดียวเท่านั้น...

แต่สำหรับพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้น...ดูเหมือนว่า...ความเรียบร้อย สมถะ สันโดษนับตั้งแต่เริ่มแรกของตัวเอง ออกจะค่อนข้างเป็น ความโดดเดี่ยว อยู่ไม่น้อย??? นอกจากภาพของความเป็น เพื่อน ความเป็น มิตรสหาย รอบๆ ข้างของท่านผู้นี้ จะไม่ค่อยถูกสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าใครเป็นใครกันแน่??? ตลอดเส้นทางการเติบโตของพลเอก สุรยุทธ์ มักจะเกี่ยวพันอยู่กับผู้ที่เรียกว่า นาย เป็นหลักมาโดยตลอด!!! แม้จะเคยผ่านหน่วยบัญชาการหลักๆ ระดับกว้างขวางใหญ่โตอย่างหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แม่ทัพภาคที่ 2 หรือหน่วยบัญชาการสูงสุดอย่างผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็แล้วแต่...แต่โอกาสที่จะมองเห็น ลูกน้อง ที่คอยเอาบ่าแบกหามนายตัวเอง อย่างที่ ป๋าเปรม เคยมี...ก็แทบจะมองไม่เห็นเอาเลย เท่าที่เห็นๆ อยู่ก็มีแต่นายทหารคนสนิทอย่าง นินนาท เท่านั้น...ที่เทียวไล้-เทียวขื่อเดินตามเงียบๆ ตั้งแต่ผมดำจนผมหงอกไปแล้วในขณะนี้...

ถึงแม้นว่าจะมี ลูกน้อง บางรายอย่างเช่น พลเอก ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ทหารประชาธิปไตยนิกาย มดทรมาน หรือทหารที่ใกล้ชิดกับพรรคการเมืองผู้นิยมใส่เสื้อคับมาโดยตลอด อาจจะเคยมีส่วนไม่มากก็น้อย...ในการร่วม ผ่าทางตัน เพื่อให้เกิดโอกาสในการขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกชนิด ฟ้าผ่า ในยุคที่ ชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่ก็ย่อมต่างไปจากแรงสนับสนุนในแบบที่ ป๋าเปรม เคยได้รับจากลูกน้องในระดับทั่วทุกกองพัน กรม หรือทั้งกองทัพกันคนละเรื่อง...

ยิ่งเมื่อต้องขึ้นไปดำรงตำแหน่ง องคมนตรี ด้วยแล้ว...โอกาสที่พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะได้สัมผัสกับกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย หรือคบหากับผู้คนในแต่ละแฉกแต่ละแบบ ก็ย่อมลดน้อยถอยลงตามไปด้วย ภายใต้บุคลิกภาพที่อาจจะคล้ายกันในบางด้าน แต่สภาพเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างกันในบางด้าน...สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการเข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในห้วงระยะสถานการณ์ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน หรือสถานการณ์ที่ระบอบการปกครองยังไม่ได้เป็น ประชาธิปไตยเต็มใบ หรือไม่? เพียงใด??? อันนี้...คงต้องลองไปแยกแยะกันต่อในวันพรุ่งนี้อีกซักวัน...อย่างน้อยที่สุดเพื่อให้เกิด ความเข้าใจ ในการที่จะต้อง อยู่ร่วมกัน กับรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก สุรยุทธ์ ต่อไปอีก 1 ปีนับจากนี้...