โพล-สุรยุทธ์! นำห่างทักษิณ

"แอ้ด ทิ้ง แม้ว ไม่เห็นฝุ่น"


ในขณะที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สอบตกการประชาสัมพันธ์ไม่ชี้แจงผลงานให้ประชาชนทราบ จนต้องมีการเร่งเครื่องทีมโฆษกรัฐบาลขนานใหญ่ ปรากฏว่าเอแบคโพลได้รายงานผลการสำรวจความเห็นประชาชน พบว่าคะแนนนิยมของ พล.อ. สุรยุทธ์ ทิ้งห่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชนิดไม่เห็นฝุ่น

เอแบคโพลชี้คนไทยคลายกังวล

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรต่อบรรยากาศการ เมืองขณะนี้ และความนิยมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปรียบเทียบกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ โดยสำรวจจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ 4,195 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-25 พ.ย. ผลสำรวจพบว่าอารมณ์ความรู้สึกต่อบรรยากาศการเมืองระหว่างเดือน มี.ค. กับเดือน พ.ย. ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 89.6 เห็นว่าการเมืองยังคงเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนจำนวนมากลดความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ทางการเมือง จากร้อยละ 69.9 ในเดือน มี.ค. ที่มีวิกฤติการเมืองเหลือร้อยละ 30.8 ในเดือน พ.ย. หลังการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ สำหรับความเครียดของประชาชนเรื่องการเมืองลดลงจากร้อยละ 43.2 ในเดือน มี.ค. เหลือร้อยละ 23.3 ในเดือน พ.ย. ความขัดแย้งกับคนในครอบครัวเรื่องการเมืองลดลงจากร้อยละ 14.1 ในเดือน มี.ค.เหลือร้อยละ 5.4 ในเดือน พ.ย. ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเรื่องการเมืองลดลงจากร้อยละ 16.2 เหลือร้อยละ 3.9 และความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานเรื่องการเมืองลดลงจากร้อยละ 17.2 เหลือร้อยละ 3.5 ในการสำรวจล่าสุด

รู้สึกว่าบรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น

เมื่อสอบถามความรู้สึกของประชาชนต่อบรรยากาศทางการเมือง เปรียบเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 รู้สึกว่าบรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 16.6 รู้สึกว่าเหมือนเดิม และร้อยละ 10.0 รู้สึกว่าแย่ลง ที่น่าพิจารณาคือประชาชนส่วนใหญ่ในทุกภูมิภาคของประเทศรู้สึกว่าบรรยากาศทางการเมืองขณะนี้ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา คือร้อยละ 78.7 ของคนภาคใต้ รองลงมาคือภาคกลางร้อยละ 77.6 ภาคเหนือร้อยละ 70.9 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 64.7 และกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 62.0 ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้แต่ในกลุ่ม ตัวอย่างที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ผลสำรวจยังพบด้วยว่าร้อยละ 62.1 ของตัวอย่างที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ยังรู้สึกว่าบรรยากาศทางการเมืองขณะนี้ดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 72.3 ของผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย รู้สึกว่าบรรยากาศขณะนี้ดีขึ้น

ไม่คิดว่ารัฐบาลนี้จะสืบทอดอำนาจ


ส่วนความเห็นต่อแนวทางการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 74.4 เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลในขณะนี้ ขณะที่ร้อยละ 10.9 ไม่ เห็นด้วย และร้อยละ 14.7 ไม่มีความเห็น เมื่อสอบถามว่ารู้สึกอย่างไรต่อรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ระหว่างการอาสามาทำงานด้วยความเสียสละ กับมีวัตถุประสงค์สืบทอดอำนาจหาผลประโยชน์ ร้อยละ 71.3 รู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้อาสามาทำงานด้วยความเสียสละ ในขณะที่ร้อยละ 8.6 เท่านั้น ที่รู้สึกว่ารัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อสืบทอดอำนาจและผลประโยชน์ ร้อยละ 67.3 คิดว่าข่าวการปรากฏตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามประเทศต่างๆรอบประเทศไทย จะมีผลทำให้บรรยากาศการเมืองในประเทศแย่ลง เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างน่าจะกลับมาทำงานการเมืองต่อ กับเลิกยุ่งกับการเมือง ผลสำรวจพบว่าเกินกว่าร้อยละ 62.7 คิดว่าควรเลิกยุ่งกับการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 8.1 ที่คิดว่าควรกลับมาทำงานการเมืองต่อ

คนนิยม สุรยุทธ์ มากกว่า ทักษิณ

นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงความนิยมในตัว พ.ต.ท. ทักษิณ เปรียบเทียบกับ พล.อ.สุรยุทธ์ พบว่าร้อยละ 70.5 ให้ความนิยม พล.อ.สุรยุทธ์ ในขณะที่ร้อยละ 15.8 ยังให้ความนิยมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และร้อยละ 13.7 ไม่ระบุ เมื่อนำวิเคราะห์แนวโน้มความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณและ พล.อ.สุรยุทธ์ พบว่าแนวโน้มความนิยมของประชาชนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ลดต่ำสุดในรอบ 6 ปี ที่เคยทำสำรวจมา ขณะที่แนวโน้มความนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ กลับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าการสำรวจช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในภาคใต้ ร้อยละ 81.9 ภาคกลาง ร้อยละ 68.6 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 69.8 และแม้แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็สนับสนุนเกินกว่าร้อยละ 57.2 ในขณะที่คนในภาคเหนือสนับ-สนุน พล.อ.สุรยุทธ์ร้อยละ 48.8

คนไทยมองว่า ทักษิณ เป็นตัวป่วน

นายนพดลกล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้พอสรุปได้ 2 ประเด็นสำคัญใหญ่ๆคือ ประการแรก ยิ่งมีข่าวการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูเหมือนพยายามใช้กลยุทธ์ ทางการตลาด ที่จะไม่ให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายลืม แต่อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนมองว่าข่าวการเคลื่อนไหวเหล่านั้น ทำให้บรรยากาศการเมืองปั่นป่วน เพราะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่รักความสงบ กลัวการเคลื่อนไหวชุมนุมยิ่งกว่ากฎอัยการศึกเสียด้วยซ้ำ จึงอาจส่งผลทำให้ความนิยมศรัทธาของประชาชนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกต่ำลง อันที่จริงเรื่องปัญหาทุจริตคอรัปชันเชิงนโยบาย อาจถูกประชาชนจำนวนมากมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว ดังนั้นถ้าต้องการรักษาเรตติ้งของตนเอง น่าจะนำเงินส่วนตัวที่มีอยู่มหาศาลช่วยเหลือบริจาคให้ประชาชน ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและที่กำลังเป็นหนี้สินอยู่ หรือตั้งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือประชาชน อาจได้ผลดีกว่าอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาด และจิตวิทยาการเมืองเช่นทุกวันนี้เพียงอย่างเดียว

ชื่นชม สุรยุทธ์ เพราะซื่อสัตย์สุจริต


ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลกล่าวอีกว่า ประการที่ 2 คือกระแสนิยมสนับสนุน พล.อ.สุรยุทธ์ สวิงกลับมาสูงขึ้นน่าจะมีปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น ประชาชนอาจเริ่มเห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ สุจริต และทุ่มเททำงานหนักอย่างเสียสละ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติสำคัญของประเทศมากมายมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณที่เห็นภาพของการช็อปปิ้ง ตีกอล์ฟ หาความสุขท่องเที่ยวต่างประเทศไปเรื่อยๆ ประชาชนส่วนใหญ่จึงเริ่มเข้าใจเห็นใจ และเทคะแนนนิยมสนับสนุนนายกฯคนปัจจุบันมากกว่า

แต่รัฐบาลยังต้องทำงานอย่างหนัก

นายนพดลกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาลยังคงต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมือง และแรงสนับสนุนจากประชาชน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะจากรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาระดับชุมชน ให้ทั่วถึงและเท่าเทียม นโยบายทางสังคมหลายด้าน ควรได้รับการนำไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างเด่นชัดมากขึ้น เช่น การ เยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อนจากภัยพิบัติและจากนโยบายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ การจัดระเบียบสังคม การคุ้มครองรักษาคุณภาพเด็กและเยาวชน การแก้ปัญหาความยากจน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชัน และ การรีดไถประชาชนหรือผู้ประกอบการธุรกิจ เป็นต้น รัฐบาลควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่ากล้าตัดสินใจปฏิรูปสังคมทั้งระบบ โดยไม่คำนึงถึงแรงเสียดทานและอำนาจต่อรอง จากกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์บนสภาพสึกกร่อนของคุณภาพประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ

สุรยุทธ์ พาลูกเมียเข้าวัดไปทำบุญ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่า เมื่อเช้าวันที่ 26 พ.ย.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์พร้อมด้วย พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ได้เดินทางออกจากบ้านในหมู่บ้านรอยัลกอล์ฟ ลาดกระบัง ด้วยรถตู้โฟล์กสีเขียว หมายเลขทะเบียน ฮค 9999 มายังตำหนักสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อทำบุญถวายภัตตาหารเพลเป็นการส่วนตัว โดยมีบุตรชายทั้ง 3 คนเดินทางมาสมทบในภายหลัง นอกจากนี้ ยังมีนายทหารคนสนิท อาทิ พล.อ.นิพนธ์ ศิริพร หัวหน้าสำนักงานนายกฯ พล.ท.นินนาท เบี้ยวไข่มุข นายทหารคนสนิท เข้ามาร่วมในการทำบุญครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อ เดินทางมาถึง พล.อ.สุรยุทธ์ได้ตรงเข้าไปกราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ หัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช และถวายภัตตาหารเพลทันที

ต่อมาเมื่อเวลา 11.15 น. พล.ท.นินนาทได้เดินออกมาแจ้งต่อสื่อมวลชน ที่ติดตามมาทำข่าวภารกิจของนายกฯว่า วันนี้นายกฯมาทำบุญเป็นการส่วนตัวกับครอบครัว จึงขอไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

เลขาธิการนายกฯปัดข่าวตั้ง บัญชร


พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวระบุว่านายกฯจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลใหม่ โดยมีแนวคิดที่จะออกรายการวิทยุทุกสัปดาห์นั้น ไม่เป็นความจริง นายกฯมีภารกิจและงานด้านนโยบายต้องทำอีกมาก การชี้แจงดังกล่าวหากเป็นเรื่องของโฆษกประจำสำนักนายกฯ ก็น่าจะเป็นไปได้มากกว่า รวมทั้งข่าวที่จะมีการแต่งตั้ง พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ บก.ทหารสูงสุด เข้ามาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯ ทำหน้าที่ประสานงานสื่อมวลชนและประสานงานการประชาสัมพันธ์ ผลงานรัฐบาลนั้นก็ไม่เป็นความจริงด้วย

เรื่องดังกล่าวผมไม่ทราบเลย ช่วงนี้บางเรื่องบางอย่างเป็นข่าวลือข่าวปล่อยกันมาก เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความสับสน หากรู้ไม่จริงก็ขอร้องว่าให้ตรวจสอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องหรือรู้จริงก่อน และผมเองก็อยากขอร้องสื่อมวลชนด้วยว่าให้ช่วยกันเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ข่าวดีๆยังมีอีกมาก และสำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบันก็เป็นรัฐบาลที่เปิดฟรีมากๆ มากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเสียอีก เลขาธิการนายกฯกล่าว

รัฐบาลฟื้นสายตรง ครม.ตีปี๊บผลงาน

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาโจมตีการทำงานของทีมโฆษกรัฐบาลที่ไม่ทำงานในเชิงรุกว่า ตั้งแต่ช่วง 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา เราก็ได้มีการปรับปรุงการทำงานของทีมงานโฆษกรัฐบาลในหลายเรื่อง รวมทั้งได้มีการประชุมร่วมกับโฆษกแต่ละกระทรวง เพื่อปรับรูปแบบการประชาสัมพันธ์ ผลงานของรัฐบาลไปยังประชาชน และในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เบื้องต้นจะมีการฟื้นรายการ สายตรงจาก ครม. ที่เคยทำในช่วงสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ในทุกบ่ายวันอังคาร ที่ให้โฆษกรัฐบาลหรือรัฐมนตรีแต่ละคน นำเรื่องที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. มาชี้แจงผ่านโทรทัศน์และวิทยุให้ประชาชนรับทราบอีกครั้งหนึ่ง แต่เราอาจจะเปลี่ยนชื่อรายการและปรับเวลาใหม่ และคงจะไม่นำเสนอเฉพาะผลการประชุม ครม.เท่านั้น แต่จะเป็นการชี้แจงผลการทำงานในภาพรวมของรัฐบาลว่าได้ทำอะไรไปบ้าง และหากมีประเด็นสำคัญต่างๆก็อาจจะเชิญรัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งนายกฯ มาออกรายการดังกล่าวด้วยคาดว่าน่าจะเริ่มได้ในสัปดาห์หน้า แต่กำลังรอความชัดเจนจากกรมประชาสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่ง

ไม่ซ้ำรอย ทักษิณคุยกับประชาชน

โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวอีกว่า ส่วนแนวความคิดในการฟื้นรายการ นายกฯคุยกับประชาชน ที่เคยทำในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ทุกเช้าวันเสาร์นั้น เบื้องต้นคงจะไม่มีแล้ว แต่การชี้แจงในส่วนของนายกฯเราจะให้เป็นรูปแบบของการออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ในเรื่องสำคัญๆแทน ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องให้นายกฯชี้แจงผ่านทีวีพูลทุกสัปดาห์หรือเดือนละครั้ง แต่จะทำก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญ ที่ท่านจำเป็นต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ

ที่ผ่านมา เราก็ยอมรับว่าทีมงานโฆษกฯอาจมีข้อบกพร่องบ้าง เราก็พร้อมรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชน เชื่อว่าหลังจากสัปดาห์หน้า ที่เราได้ปรับปรุงแนวการทำงานแล้วก็คงจะช่วยได้เยอะ และต่อไปก็ไม่ออกมาแถลงเฉพาะผลการประชุม ครม.เท่านั้น แต่ถ้ามีเรื่องไหนสำคัญ ก็จะเริ่มออกมาชี้แจงต่อสื่อมากขึ้น โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์