วันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ท. จริยะ ทองทับ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายกิจการพลเรือนทหารบก ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์ ส่วนปฏิบัติการพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เพื่อรวบรวมผลการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ และองค์กรอิสระต่างๆ อาทิ เพื่อวางแผนการประชาสัมพันธ์ และนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนรับทราบที่เกี่ยวกับการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะเป็นผู้ประสานงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงความคืบหน้าในการทำงานกับสื่อต่างๆ โดยในส่วนของสื่อวิทยุของกองทัพบกที่มีอยู่ 126 สถานี จะมีการนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบทุกสัปดาห์อีกด้วย
ดึง แก้วสรร-ประเวศ โชว์ผลงาน
ด้าน พล.ท.จริยะ ทองทับ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายกิจการพลเรือนทหารบก ในฐานะหัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์ส่วนปฏิบัติการพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า ทีมงานโฆษก คมช. จะประสานงานการทำงานกับทีมงานโฆษกรัฐบาลเพื่อจะได้ชี้แจงไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ งานของ คมช.สิ้นสุดไปเมื่อ 14 วันหลังจากที่ทำการยึดอำนาจของรัฐบาลชุดที่แล้ว ขณะนี้เหลือขั้นตอนที่จะเอาผลงานใน 4 ประเด็นหลักมาชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่า ทาง คมช.ได้ทำอะไรไปบ้าง โดยเฉพาะองค์กรต่างๆ อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานอันให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พร้อมแนะนำบรรดาผู้ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีขีดความสามารถพูดแล้วประชาชนส่วนใหญ่รับฟัง ไม่ว่าจะเป็น นายแก้วสรร อติโพธิ เลขา คตส. นพ.ประเวศ วะสี ออกอากาศทางวิทยุเครือข่ายของทหารทั้ง 4 เหล่าทัพ โดยจะใช้เวลาประมาณ 19.30 น.ของทุกวัน นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือไปยังหน่วยราชการอื่นๆ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ด้วย แนวทางของ คมช.จะทำในลักษณะปูพรมให้หมด เพื่อชี้แจงผลงานในการทำงานที่ผ่านมาว่าได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง
ดึง แก้วสรร-หมอประเวศ เป็นกระบอกเสียง
"เปิดสมุดปกขาวแจงครั้งปฏิวัติว่า......"
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ถึงเอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครองในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 (สมุดปกขาว) ที่จะแจกจ่ายให้แก่ประชาชนได้รับข้อเท็จจริงต่างๆ ในการทำปฏิวัติรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) จำนวน 35 หน้า โดยมีสาระสำคัญสรุปถึงเหตุการณ์สำคัญที่เป็นชนวนอันนำไปสู่การปฏิรูปว่า โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลที่พึ่งถูกยึดอำนาจไป ถูกเพ่งเล็งจากสังคมอย่างหนัก และถูกกล่าวหาด้วยความเคลือบแคลงสงสัยว่าพยายามผูกขาดอำนาจ ทำลายระบบการตรวจสอบถ่วงดุล โดยการแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระตาม รธน. และการแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระ ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนคุกคามและแทรกแซงสื่อมวลชน รวมทั้งมีการดำเนินการที่ส่อไปในทางทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง และมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างกว้างขวาง เป็นที่ค้างคาใจประชาชนในกรณีที่สำคัญ